Top
สัมภาษณ์ดารา นาเดีย นิมิตรวานิช

 

"ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต"

ถ้าเอ่ยชื่อ “ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต” เราเชื่อว่าคอ ละครในประเทศไทยต้องรู้จักเธอแน่นอน เพราะเธอได้ชื่อว่าเป็น นักแสดงคุณภาพอีกคนของวงการบ้านเราและแน่นอนเป็นคนดังก็ย่อมถูกจับตามองทั้งในเรื่องความรัก และที่โดดเด่น สำหรับผู้หญิงคนนี้คือการแต่งตัวที่ออกโชว์ตัวเมื่อไร ชมพู่ไม่เคยทำให้ช่างภาพผิดหวัง และวันนี้เราได้รับเกียรติจาก ชมพู่- อารยา คนดังเธอจะมาเปิดใจกับเราถึงทุกเรื่องราวในชีวิต

บทสัมภาษณ์จาก เดลินิวส์

 
 


ถาม

เป็นชมพู่ยากไหม ? ?

 

“จะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายก็ง่ายนะ คือถ้าเรายอมรับว่ามันเป็นสิ่งหนึ่ง ของชีวิตเราต้องแลกมาเป็นต้นทุนของเราในอาชีพนี้ ก็รับได้ปกติตอนนี้ ก็ชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้แล้ว มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา แต่ถามว่า มันเหมือนเพื่อนเราไหม มันไม่เหมือน หรอก เพื่อนที่โตมาด้วย เพื่อนที่เรียนมาด้วย พวกเขาก็มีชีวิตอีกแบบหนึ่ง”


ถาม ถ้าไม่เป็นนักแสดงชมอยากทำอาชีพอะไร ?

  “ตอนเด็ก ๆ อยากทำงานวงการแฟชั่น อยากทำหนังสือ คิดว่า ถ้าไม่ ่เข้าวงการเสียก่อน ที่คุยกับเพื่อนคงไปเป็นแอร์มั้ง เพราะงานตรงนั้น มันเริ่มต้นด้วยเงินเดือนที่สูง แต่มันมีอายุงาน แต่ถ้าถามวันนี้ ี้ก็ยังนึก ไม่ออกว่าจะทำอะไรนะ แต่ด้วยนิสัยเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรซ้ำ ๆ ตอกบัตรอะไรอย่างนี้ คิดว่าถ้าต้องอยู่ออฟฟิศอยู่ในคอกตลอดคงไม่ใช่ ชมแน่ ๆ”


ถาม

มีคนเมาท์ว่าเวลาไปไหน ชมพู่ ต้องเป๊ะตลอด ในเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม?

  “ก็ดีใจนะที่มีคนมองเห็น เพราะว่าชมเป็นคนรักแฟชั่นรักการแต่งตัว มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ตั้งแต่เข้าวงการใหม่ ๆ เราก็ตั้งใจ ใส่ใจตรงนี้ มีคนเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง คนว่าบ้าก็มีเหมือนกัน ว่ามันเป็นอะไรของมันวะ ทำตัวเยอะ ๆ ไม่เหมือนคนอื่น (หัวเราะ) แต่มาถึงจุดหนึ่งคนก็เข้าใจ ว่านี่คือเรา คนเริ่มรู้ว่าเสื้อผ้าแบบนี้ มันต้องเป็นชมพู่ใส่นะ คนเริ่มเข้าใจว่า มันเริ่มก่อเกิดเป็นสไตล์บางอย่างของเราขึ้นมา ซึ่งเราก็ดีใจว่าในที่สุด คนก็ยอมรับเรา กว่าจะถึงวันน ี้ชมก็ลองผิดลองถูกมาเยอะหลายลุค แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามาถูกทางหรือเปล่า”


ถาม แต่ละเดือนสิ้นเปลืองไปกับการแต่งตัวมากไหม?

  “เรื่องสวย ๆ งาม ๆ ก็เป็นค่าใช้จ่ายหลักของชมแหละค่ะ เรื่องกิน เรื่องเที่ยว ก็ไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าถามเป็นจำนวนเงินมันก็ตอบยาก บางเดือนเราอาจจะ ไม่ได้ซื้อเลย บางเดือนก็ซื้อตุน แต่ช่วงที่หมดเยอะหน่อยก็คงจะ เป็นช่วง ประกาศรางวัล ก็จะหมดเยอะ เพราะมันใส่ซ้ำไม่ได้ แต่ถ้าเป็นพวกชุดแซค อะไรแบบนี้ ถ้าใส่ทำงานในกรุงเทพฯ ที่มีสื่อก็อาจจะใส่ได้ทีหนึ่ง หลังจากนั้นก็ อาจจะใส่ส่วนตัวหรือโชว์ตัวต่างจังหวัด”



ถาม
บางคนก็อาจจะมองว่าเราฟุ่ม เฟือย?

 

“ชมว่ามันก็ทางใครทางมัน ถ้าจะให้ชมมานั่งอธิบายว่า ชมเก็บเท่านี้นะคะ ชมกั๊กเอาไว้กี่เปอร์เซ็นต์มันก็ค่อนข้างจะส่วนตัวหรือเปล่า เอาเป็นว่าแล้วแต่ จะคิดก็แล้วกัน ชมก็ไม่ใช่คนที่ไม่คิดถึงอนาคต หรือไม่ได้วางแผนอะไร ชมก็ห่วงตัวเองเหมือนกัน เราเองก็ต้องมีเงินเก็บไว้บ้าง อายุเราก็ปูนนี้แล้ว ถ้าไม่มีผู้ชายมาขอเราจะอยู่ยังไงใช่ไหมคะ”

ถาม
ขอถามเรื่องความรักบ้าง เคยคิดถึงอนาคตหรือแพลน เรื่องแต่งงานบ้างไหม?

ี้ “คิดไม่ออกเลยค่ะ คือเพื่อนสนิทไปกันหมดแล้ว เรายังคิดไม่ออกเลยค่ะ นึกภาพไม่ออกเลยจริง ๆ ตื่นเช้ามาทอดไข่แบบนี้เหรอ ใส่ผ้ากันเปื้อน ชมว่ามันยังไม่ได้อ่ะตอนนี้”


ถาม ถ้าจัดลำดับให้ความรักอยู่ลำดับไหน?

  “ถ้า ณ ตอนนี้นะ ก็งาน ครอบครัว ความรักน่าจะที่ 3 เพราะถ้าเราเลือกแล้ว คือหนึ่งคนรักก็ต้องเข้าใจอยู่แล้วใช่ไหม แล้วในทางกลับกันเราก็ต้องเข้าใจ คนรักของเราด้วยว่ามันต้องมีครอบครัว มีงานเหมือนกัน ก็ต้องเว้นช่องว่าง ให้กันและกัน แล้วสำหรับคนรักถ้ามันใช่เราก็ยังมีเวลาให้กันอีกนาน แต่ถ้าอายุงานของเรา กับพ่อแม่เราเวลามันจำกัด เพราะฉะนั้น ก็เอาตรงนี้ก่อน”
ถาม ทุกวันนี้ที่ชมยังไม่ใช้คำว่าแฟนสักที เพราะชมกลัวว่าเรา จะเสียใจ หรือว่าเข็ดกับความรักที่ผ่าน ๆ มา?

  “ไม่มีค่ะ วันๆ ไม่ได้ออกไปไหน มีแต่ทำงาน เลยไม่เจอใคร ไม่ได้ปิดกั้น อะไรเพียงแต่ยังไม่เจอใครที่ถูกใจเท่านั้นเอง”

ถาม ตีกรอบไว้กับคำว่าเพื่อน เพราะกลัวอะไรหรือเปล่า เพราะถ้า เรียกว่าแฟน เลิกกันก็เรื่องใหญ่อีก ต้องแก้ข่าว แถลงข่าว ยังงั้นหรือเปล่า?

  “พอเลิกกัน ก็บอกว่าไหนใครบอก ยังไม่ได้บอกว่าเป็นแฟนกันเลย จะเลิกกันได้ยังไง ถูกเปล่า (หัวเราะ) ก็ไม่หรอกค่ะ คือชมแค่รู้สึกว่า พูดไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นสำหรับชมเลย เพราะชมก็ไม่ได้ปฏิเสธว่า เราไม่ได้ไปไหนมาไหน ถ้าใครไปเจอ หรือใครไปเห็น ก็ไม่ว่าอะไร ก็แล้วแต่จะคิด”



ถาม
ชมมองความรักเปลี่ยนไปจากเดิมมั้ย?

 

“เปลี่ยนนะ เมื่อก่อนเราก็จะไม่ค่อยคิดเรื่องเหตุผล ความเหมาะสม การใช้ชีวิตคู่จริง ๆ อาจจะเพราะว่าเราเด็ก ภาพของการใช้ชีวิต มันก็จะห่างไกลตัวเรา แต่พออายุเรามากขึ้นอย่างนี้ เราก็เริ่มคิดว่า คนนี้มันจะอยู่กับเราได้นาน ๆ จริงไหม จะเอาเราอยู่มั้ย หรือกลายเป็นว่า เราต้องเอาเขาอยู่ คือมันมีเหตุผลมากขึ้น มันนึกถึงการใช้ชีวิตจริง ๆ มากขึ้น ส่วนความสวยงาม ความสวยหรู ชมตัดทิ้งไปแล้ว เพราะเรามอง อะไรตามสภาพความเป็นจริง แล้วก็เริ่มรู้จักที่จะเรียนรู้คนอย่างที่เขา
เป็นจริง ๆ ไม่ใช่หลับหูหลับตาแล้วก็มองข้ามข้อเสีย คือทุกคนมันไม่มีใคร เพอร์เฟกต์หรอก แต่ข้อเสียตรงนี้เรารับได้ไหม มันเลวร้ายหรือเปล่า ลองบวกลบคูณหารกับความดีสิ”

ถาม
ดูชมเป็นผู้หญิงแกร่ง แต่ก็แอบ อยากมีคนดูแลนะ?

“ทุกคนแหละผู้หญิง ที่บอกว่าฉันดูแลตัวเองได้ อันนั้นเป็นข้ออ้างของคน ไม่มีแฟน แต่ว่า ณ วันหนึ่งเราก็ต้องบอกตัวเองแบบนี้ ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ มันเก่งขึ้นไงคะ แต่ว่าต่อให้เก่ง ต่อให้แกร่งแค่ไหน ก็อยากมีคนดูแล พะเน้าพะนอ ไม่อย่างนั้นเขาจะมีทอมบอยเหรอ ขนาดมาดอนน่าที่ ประสบความสำเร็จสูง ก็ยังอยากมีคนดูแล ถึงแม้เราจะต้องเป็นฝ่ายเปย์ก็เถอะ

แต่เราก็ไม่อยากจะเป็นแบบนั้น เพราะเราก็ทำงานมาเหนื่อยแล้ว แต่ไม่ได้ขนาดว่าเขาต้องมาเปย์เรา แต่ถ้าเราหาไม่ได้เลย ความนับถือ ที่ผู้ชายมีต่อตัวเรามันก็อีกแบบหนึ่ง คือเราว่าถ้าเราแบมือขออย่างเดียว ทำอะไรไม่ได้ ไม่ได้พิสูจน์ศักยภาพในตัวเองเลย มันก็จะเป็นนะ เขาก็จะควบคุมเราอีกแบบหนึ่ง ชมว่าต่าง คนก็ต้องมีคุณค่า เราต้องทำตัว มีคุณค่าชมว่าผู้หญิงมันต้องเชื่อมั่นในความดีของ ตัวเอง ชมว่าสักวันหนึ่ง ก็มีคนดี ๆ มาเจอเราเองแหละ แต่ถ้าไม่เจอ ก็ดูแลตัวเองไป
ถาม
เคยคิดแวบ ๆ ไหมว่าตัวเองจะขึ้นคาน?

 
“บางแวบก็เคยมี คือชมพยายามวางแผนชีวิตตัวเอง ให้เหมือนกับว่า เราต้องอยู่คนเดียวตลอด ต่อให้เรามีความรักหรือ ไม่มีความรัก ณ เวลานี้ เราก็ต้องคิดว่า ถ้าไม่มีใคร ก็อย่าหวังว่าจะมีคนมาดูแลเรา ตอนเท่านั้น เท่านี้ เพราะว่าถ้ามัน ไม่มีล่ะ เราจะอยู่ยังไง หรือถ้ามีแล้วมันจะมากดขี่เรา ทำให้เราไม่มีทางเลือกก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ต้องวางแผน เหมือนกับว่า เราตัวคนเดียว”

ถาม
ผู้ชายส่วนมากจะมองว่าชมเป็นของสูง?

 
“ไม่หรอกค่ะ คนอาจจะมองอย่างนั้น แต่ด้วยอาชีพด้วยอะไร ก็เปิดโอกาส ให้เราเจอคนดี ๆ หลากหลายระดับอยู่แล้ว คนวงการอื่นเขาอาจจะมองว่า เราเต้นกินรำกิน เขาอาจจะไม่ได้มองว่าเราสูงด้วยซ้ำ”



ถาม
คิดยังไงกับคำว่ายิ่งสูงยิ่งหนาว?

 

“ชมว่า ยิ่งสูง เราก็ต้องยิ่งต้องรักษาคุณภาพเอาไว้ แต่ว่าหนาวที่กลัวว่า จะหล่นลงมา ชมว่าชมค่อนข้างจะรับได้กับวัฏจักรของวงการ และจะบอก ตัวเองตลอดว่า ถ้าวันหนึ่งมันไม่ได้เท่าตรงนี้แล้วเราจะทำยังไง เราควรจะ ทำอย่างอื่นนะ ไม่ใช่มันจบไปดื้อ ๆ แล้วกายมันก็ยังไม่พร้อม คือทุกอย่าง ไม่พร้อม แล้วมันไม่มีความมั่นคงเลย เราถึงได้เตรียมตัวว่าถ้าถึงวันนั้นแล้ว เราก็ยังมีช้อยซ์ที่จะไปทำอย่างอื่นที่เราอยากทำ ไม่ใช่ยอมแลนดิ้ง แบบถูลู่ถูกัง

ถาม
เคยคิดภาพตัวเองตอนนั้นไหม?

“ชมว่ามันยากค่ะ ที่เราจะบอกว่าเราจะไปตอนอายุเท่านั้น เท่านี้ ชมว่า นักแสดงมันไม่มีใครกำหนดได้สักคนว่าเราจะหายไปตอนนี้นะ แล้วอีก 2 ปีจะกลับมา ชมว่ามันไม่ใช่ งานในวงการบันเทิงมันไม่ได้เป็นแบบนั้น เรากำหนดเองไม่ได้ มันมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างรอบตัวเราเป็นตัวกำหนด ชมว่าเมื่อถึงเวลาอะไรหลาย ๆ อย่างมันจะบอกเราเองว่า ถึงเวลาแล้ว เราต้องไปโฟกัส ไปมีครอบครัวของตัวเองก่อนนะ คือเราต้องรู้จักตัวเองว่า ถึงเวลาแล้ว และรับสภาพของตัวเองได้ เพราะฉะนั้นเราต้องหมั่นประเมิน ตัวเอ งว่าตอนนี้ พ.ศ.อะไร”


 

* ดูประวัติ ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต

* ดูอัลบั้มรูป ชมพู่-อารยา เอฮาร์เก็ต


 
 

Box Office

เรื่อง
ล่าสุด
รวม
1.
2.
3.
4.
5.
เรื่อง
ล่าสุด
รวม
1.
2.
3.
4.
5.

บทสัมภาษณ์ทั้งหมด

 
 
 

ติดตามหนังดี : Youtube Instagram Facebook Twitter  

MMM Digital Asset Co.,Ltd.
109 อาคารซีซีที ชั้น 2 ถนนสุรวงศ์
แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
Tel. 0-2234-7535    FAX. 0-2634-4269
E-mail: webmaster@nangdee.com   © 2006 nangdee.com
แผนที่ | sitemap | ติดต่อโฆษณา