ถาม

เปลี่ยนไปเยอะนะ รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นมากแล้วก็เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่า แต่ก่อน คิดก่อนที่จะทำมากขึ้นเหมือนประสบการณ์ได้หล่อหลอมเราด้วย ทุกวันนี้ภูมิใจมากที่ยืนอยู่ได้ทุกวันนี้ แต่ตรงนี้ยิ่งสูงยิ่งหนาว การก้าวเดิน ต่อไปยิ่งต้องระวัง ไม่ใช่มีเฉพาะแค่เรา แต่มีเด็ก ๆ รุ่นน้องที่เขามองเห็น ว่าเราคือ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ แล้วเด็ก ๆ มองเราคือไอดอล อยากเหมือนเรา ฉะนั้นจะทำอะไรต้องคิด   

ที่ผ่านมาตัวเองเคยเหลิงมั้ยกับการอยู่ตรงนี้

ไม่ได้รู้สึกว่าอื้ออึงอะไร เพราะเจนี่อยู่กับผู้ใหญ่ในวงการมาตลอด เล่นละครก็เล่นกับรุ่นพี่ ฉะนั้นการที่เราคิดหรือทำอะไรค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ การที่จะเป็นข่าวก็ไม่ซีเรียสข่าวก็คือข่าว ไม่ค่อยอ่านหรือสนใจ มันไม่ได้ทำให้ชีวิตแย่ลง เจนี่ว่าคนสมัยนี้พอเข้าใจและมีวิจารณญาณ เยอะขึ้น มันคือส่วนหนึ่งของงานเราทุกคนต้องยอมรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว อย่าใช้อารมณ์เป็นเครื่องนำทาง ข่าวมันผ่านมาแล้วเดี๋ยวก็ผ่านไป  ถ้าคิดได้แบบนี้ก็จบ ทุกครั้งที่มีข่าวช่าง ดูซิอย่างฟิล์มเจอข่าวใหญ่ขนาดนี้ เดี๋ยวก็ผ่านไปฟ้าหลังฝนสดใสเสมอ

อย่างข่าวล่าสุดกับฟิล์มเหมือนโดนหางเลขไปด้วย

 จริง ๆ แล้วเจนี่ไม่ได้รู้สึกโกรธอะไร เพราะเจนี่กับฟิล์มก็บอกมาตลอด ว่าเราสนิทกัน เจนี่กับเขาชัดเจนมาตลอดว่าเป็นเพื่อนกัน ในความเป็น เพื่อนก็ไม่เห็นผิดเลยที่เราจะเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างกัน แต่เพราะฟิล์ม เป็นผู้ชายเท่านั้นเอง ทางเดินชีวิตคนเรามันไม่ได้ราบเรียบมีทางขรุขระบ้าง เพียงแต่ว่าตัวฟิล์มอายุน้อยที่จะเจอเหตุการณ์ใหญ่มาก เราก็เลยรู้สึกว่า มันเป็นอะไรที่หนักสำหรับเขา หากเราลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าเป็นเจนี่นะ เจนี่คงแย่กว่าฟิล์มเยอะ

เหมือนได้อย่างก็ต้องเสียอย่างเนอะ (หัวเราะ) ไม่รู้นะทำงานเรายังเลือกได้ ไง แต่ความรักบางครั้งต้องมีโชคด้วยนิดนึง แต่ตัวเจนี่ยอมรับว่าไม่ค่อย โชคดีเรื่องความรัก เราอาจจะรู้สึกว่าเราอาจจะไม่มีเวลาสำหรับมัน หรือว่ายังมาไม่ถึงเป็นคนเชื่อ เรื่องพรหมลิขิตมากว่าสักวันต้องมีจริง นี่ก็เชื่อจนจะ 30 แล้วก็ยังไม่มีจริง (หัวเราะ)

เป็นคนเลือกเยอะด้วยหรือเปล่า ?

มากค่ะ เป็นคนค่อนข้างโรแมนติก อยากจะทำอะไรให้ตลอดเวลา ถ้ามีแฟนเจนี่รักแฟนตายเลย  แล้วแฟนเจนี่ก็คงจะรักเจนี่ตายไปเลย แน่นอน

คิดว่าผู้ชายกลัวผู้หญิงเก่ง แล้วก็กลัวผู้หญิงที่มั่นคง ไม่รู้ซิผู้ชายสมัยนี้ ต้องผู้หญิงโง่นิดนึงมั้ง ต้องทำตัวอ่อนแอนิดนึง (หัวเราะ) โอเค เจนี่ไม่อยากชมตัวเองว่าเก่งแต่เป็นคนมีความ  มั่นใจ คุณพ่อคุณแม่สอนให้ ทำทุกอย่างเป็น    ไม่เคยขอความช่วยเหลือใคร เจนี่ไม่มีผู้จัดการส่วนตัว ทำเองหมด เลยรู้สึกว่าถ้าแฟนเข้ามาในชีวิตเขาจะมาเติมเต็มส่วนไหน ก็ไม่รู้ต้องอยู่ที่ ผู้ชาย แต่จะมาช่วยนั่นนี่ไม่ต้องแล้วเราทำเป็นหมด

อกหักเสียใจนานมั้ย

ไม่นาน เพราะถือว่าความเสียใจคือความทุกข์ไม่ควรมีความทุกข์นาน ๆ คุณพ่อคุณแม่เลี้ยงเรามาขนาดนี้ แล้วเราต้องมาทุกข์ใจให้ใครสักคน ที่เขาไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขเรามันไม่มีประโยชน์ ถึงเขาจะเป็นแฟน หรือคนที่รักเราก็ตาม ตัดได้ต้องรีบตัด ต้องยอมรับและแก้ไขมันไป เพราะมันคือประสบการณ์ชีวิต รวมถึงข่าวที่ไม่ดีด้วยถือซะว่ามันจะทำให้ เราโตขึ้น เราจะรู้ว่าจะไม่ผิดพลาดจุดนี้อีกแล้ว

แล้วผู้ชายที่ไหนจะมาชนะใจเราได้เนี่ย

นั่นไงเพื่อนเจนี่ก็บอกให้รอไปแล้วกัน เจนี่ไม่ได้ไขว่คว้าหาความรัก เพราะเราไม่ได้ขาดแคลน ไม่ได้ปิดตัวเองด้วยเจอใครก็คุย แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ไม่คุยเลยไม่อยากเสียเวลาไม่ชอบให้ความหวังคน ถ้าเกิดคุณเจอผู้หญิงอื่น แฟร์ก็ไปเลยเพราะถือว่าไม่ชอบเป็นตัวเลือกของใคร จะคบใครเราต้องเป็น ที่หนึ่ง ขอให้เขามีความจริงใจ  รักเราจริง ๆ ไม่เจ้าชู้ ไม่โกหกแค่นี้พอ

เขาบอกว่าโตขึ้นสเปกจะเปลี่ยนจริงมั้ย

ก็เจนี่ไปนั่งสมาธิเข้าวัดที่เสถียรธรรมสถาน แต่  เจนี่เชื่อว่าธรรมะช่วยทำให้ เราคิดแบบมีสติ ถือศีล 8 นั่นคือความสบายใจของเจนี่ เราจะรู้สึกเลยนะว่า มีคนอื่นลำบากกว่าเรา เราโชคดีมากที่เกิดมามีคุณพ่อคุณแม่ มีคนรักเรา ขนาดนี้ เรื่องข่าวต่าง ๆ เจนี่ไม่สนใจ ไม่คิดเลย แต่ถามว่ากระทบมั้ย กระทบนะ แต่เราต้อง ไม่กระเทือนเราต้องเป็นกำแพงที่น้ำสาดมาแล้ว เราต้องไม่เป็นอะไรค่ะ”