Top
สัมภาษณ์ดารา สุชารัตน์ มานะยิ่ง

 

" นางเอกดี้ “ออม สุชารัตน์” อยากรักก็รักเลย "

เวลาจะรักใครสักคน คุณตัดสินจากอะไร? หน้าตา ท่าทาง สตางค์ในกระเป๋า หรือความเข้ากันได้
แต่ละคนอาจให้เหตุผลต่างกันไปขึ้นอยู่กับความชอบซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่ยังมีรสนิยมบางอย่าง
ที่อีกหลายคนในสังคมไม่เข้าใจและไม่พร้อมยอมรับ คือกลุ่มคนที่ชอบเพศเดียวกัน

วันนี้ “ออม สุชารัตน์ มานะยิ่ง” มาเปิดใจให้ได้รู้จักตัวตนของเธอ และเผยมุมมองความรักแบบทอมดี้
ให้คนทั้งประเทศได้เข้าใจ ในฐานะที่เธอเคยมีประสบการณ์ประกบริมฝีปากกับทั้งผู้หญิงและผู้ชายมาแล้ว!


บทสัมภาษณ์จาก ผู้จัดการ

 
 


 


 

อย่าเพิ่งตกใจไป ที่บอกว่าสาวหน้าใสรายนี้เคยจูบทั้งหญิงและชายมาแล้ว เป็นเพียงฉากหนึ่งในภาพยนตร์เรื่อง “Yes or No อยากรักก็รักเลย” เท่านั้น หากใครได้ดูตัวอย่างหนังหรือลองก้าวเท้าเข้าไปดูฉบับเต็ม ในโรงฯ มาแล้ว คงรู้ว่าหนังเรื่องนี้พูดถึงเรื่องราวระหว่างเด็กผู้หญิง สองคนที่รักกันเกิน เพื่อน หรือจะเรียกว่าเป็นหนังรักทอมดี้เรื่องแรก ของประเทศไทยก็คงไม่ผิดนัก เพราะก่อน หน้านี้มีหลายเรื่อง พยายามหยิบประเด็นหญิงรักหญิง มาเล่น แต่สุดท้ายก็นำเสนอได้ เพียงผิวๆ แตกต่างจากเรื่องนี้ที่เปิดตัวแรง! ตั้งแต่แรก โดยการปล่อยเอ็มวีโปรโมต ฉากจูบปากเพื่อนสาวผ่านยูทูบ จนเรียกเสียงฮือฮาจาก สาวกคนรัก เพศเดียวกันมาแล้ว

เทียบกับ “รักแห่งสยาม” หนังชายรักชายเรื่องแรกที่สร้างแรงกระเพื่อม
ระลอกใหญ่ในสังคมมาก่อนหน้า หลายคนมองว่าครั้งนี้อาจเป็น ปรากฏการณ์อีกระลอกที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะนางเอกของเรื่องอย่าง ออม สุชารัตน์ มานะยิ่ง เธอมีสิทธิ์โด่งดังเป็นพลุแตกจากบทดี้ เช่นเดียว กับที่มาริโอ้ เมาเร่อ กลายเป็นพระเอก หนุ่มยอดนิยมจากการเล่นบทเกย์ มาแล้ว ก่อนหน้านี้ออมเคยฝากผลงานที่น่าสนใจเอาไว้ในวงการหลายชิ้น กระทั่งมีผลงานหนังเรื่องนี้เองจุดประกายให้เราอยากรู้จักตัวตนที่แท้จริง ของเธอ อยากรู้จริงๆ ว่าอะไรทำให้หญิงสาวคนนี้ยอมรับเล่น
หนังฟอร์มเล็กและสุ่มเสี่ยงต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมเช่นนี้
หลังจากนั่งขบคิดอยู่สักพักในร้านอาหารที่นัดหมายกันไว้ คนที่จะให้คำตอบ แก่เราได้ก็ปรากฏตัวขึ้น





  “สวัสดีค่ะ” หญิง สาวผิวสว่างในชุดแซ็กขาวเดินเข้ามาหาทีมงาน อย่างรีบเร่ง เธอยกมือไหว้พร้อมกับแสดงสีหน้ารู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด ออมขอโทษขอโพยที่มาช้ากว่าเวลานัดหมายเพราะมัวแต่วุ่นอยู่กับเรื่อง
จัด เอกสารเพื่อเตรียมตัวเป็นบัณฑิตใหม่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
เหตุผลของเธอ ทำเอาเราอดดีใจไปด้วยไม่ได้ “ยินดีด้วย ไม่น่าเชื่อเลย ตัวแค่เนี้ยจะรับ ปริญญาแล้ว” เรากระเซ้าออกไปเมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่อยู่ ตรงหน้ายังดูเด็ก และตัวเล็กเกิน กว่าอายุหลายปี “โหย... ขอบคุณค่ะ” ออมตอบรับด้วยเสียงเล็กๆ ห้าวๆ ก่อนแจกรอยยิ้มขี้เล่นตบท้าย

คนที่ติดตามผลงานของออมมาบ้าง ส่วนใหญ่จะคุ้นชินกับภาพสาว หวานเรียบร้อย พูดน้อยและดูแอ๊บแบ๊วของเธอ ทำให้หลายคนติดภาพไปว่า บุคลิกดังกล่าวคือตัวตนที่แท้จริง ทีมงานเองก็เชื่อแบบนั้นเหมือนกัน จนกระทั่งได้นั่งพูดคุยกันจริงๆ จังๆ ในครั้งนี้ ออมไม่ใช่สาวหวานแอ็กสวย ด้วยท่ายิ้มแก้มป่องอย่างที่คิดไว้ ออกจะห้าวๆ ลุยๆ ขี้เล่น และเป็นธรรมชาติ เสียมากกว่า บางช่วงบางตอนก็ดูขี้อายแต่แฝงความมั่นใจอยู่ในที เราชักไม่แน่ใจว่าเธอเป็นคนอย่างไรกันแน่จึงขอคำตอบจากเจ้าตัวตรงๆ “เหมือน จะเป็นคนเฮ้วๆ ลุยๆ แต่ก็กลัวเครื่องเล่นหวาดเสียว เหมือนจะเป็น คนเข้ากับคนง่าย แต่ก็ไม่ แล้วเหมือนจะไม่เรื่อง เยอะ แต่ก็แอบเยอะนะบางที สรุปคือเป็นคนวาไรตีค่ะ แต่แอ๊บแบ๊ว นี่ไม่ใช่นะคะ (หัวเราะ)” ออมตอบด้วยน้ำเสียงห้าวเกินตัว ดูเหมือนว่าเธอคนนี้จะมีหลายมิติให้ค้นหา จริงๆ ว่าแล้วเราก็ไม่รอช้า เริ่มทำความรู้จักกับมิติแรกๆ ของเธอเลย



ถาม แค่หญิงสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่ง
 

ถ้าเป็นดาราคนอื่นเรามักตั้งคำถามว่า “อะไรจุดประกายให้อยาก ทำงาน ในวงการ” แต่สำหรับนางเอกไซส์จิ๋วคนนี้ต้องถามว่า “ตัวเล็กขนาดนี้ ทำไมถึงคิดว่าจะเข้าวงการได้” เป็นที่รู้กันอยู่ว่าวงการบันเทิงบ้านเรา เน้นรูปร่างหน้าตาเป็นสำคัญ ถึงหน้าผ่านแต่หุ่นไม่ได้ บางครั้งก็หมดสิทธิ์ ออมยิ้มรับคำถามของเราด้วยความเข้าใจ ก่อนให้คำตอบว่า“เพราะไม่ได้คิดมา ตั้งแต่แรกไงคะว่าเราจะต้องเป็นเดอะเบสต์หรือต้องโด่งดังเป็นนางเอก เลยไม่เคยคิดว่าตัวเองต้องเพอร์เฟกต์”
แต่ถึงจะทำใจเอาไว้ก่อนแล้ว บางครั้งออมก็ ยอมรับว่าแอบน้อยใจใน ข้อจำกัดเรื่องส่วนสูง ของตัวเองที่ทำให้ เธอพลาดงานดีๆ มาหลายชิ้นแล้ว เหมือนกัน
“ตอนแรกก็มีคิดบ้างเหมือนกันค่ะว่าถ้าเราเข้ามาคงมีงานให้ทำไม่มาก เขาคงเอาเราไปทำอะไรไม่ค่อยได้ เพราะตัวเล็กเกินไป เอาไปจับคู่กับใคร ส่วนสูงเราก็ต่างกับเขาเยอะ บอกได้เลยว่าออมพลาดงานเพราะเรื่องตัวเล็ก เยอะมากๆ อย่างแต่ก่อนตอนยังทำ รายการสตรอเบอร์รี่ชีสเค้กอยู่ จะมีผู้จัดละครเข้ามาหาคนจากรายการไปแคสต์ ตอนแรก พี่เขาก็ดูๆออม ไว้ แต่สุดท้ายพอมาเห็นตัวจริงเรา เขาบอกเลยว่าหน้าได้นะแต่ตัวเล็กว่ะ อะไรแบบนี้ หลังๆก็เลย พยายามทำใจค่ะ ในเมื่อเราเป็นเราแบบนี้ ถึงจะคิดมากไป ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น มองในแง่ดีคงยังมี คนที่ตัวเล็กกว่าออม นะออมว่า” นางเอกสาวยิ้มละไม อย่างไม่ทุกข์ร้อน



 

เคล็ดลับที่ทำให้ความสูง 154 ซม. เป็นอุปสรรคในการทำงานน้อยที่สุด
ออมบอกว่าเธอ ใช้วิธีหันไปปรับเปลี่ยนเรื่องที่เปลี่ยนแปลงได้แทน เธอเชื่อว่าองค์ประกอบทุกอย่างที่รวม เป็นคนคนหนึ่ง ทั้งหมดคือวัตถุดิบ
ในการทำงาน เพราะฉะนั้น “ถ้าเกิดเรามีข้อด้อยอะไรสักอย่าง เราก็ต้องเพิ่มข้อดีเรื่องอื่นเข้าไปทดแทน ต้องพยายามพัฒนา
ห้ามหยุดนิ่ง อย่างเรื่องความสูงเราอาจจะมีต้นทุนที่ต่ำกว่าคนอื่น (หัวเราะอย่างเข้าใจ)แต่ออมก็พยายามผลักดันเรื่องความสามารถ
ของตัวเองอยู่เรื่อยๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพัฒนาไปถึง ขั้นที่พอ
จะเป็นต้นทุนที่สูงในตัวเราได้หรือ ยัง แต่ก็พยายามที่สุดแล้วค่ะ
คุณพ่อคุณแม่ จะสอนตลอดว่าถ้าเรามีความสามารถใครก็ต้อง
อยากเอาเราไปร่วมงานด้วย อย่าไป เอาเรื่องส่วนสูงมาทำให้
เรารู้สึกถดถอย”
สาวผิวขาวร่างเล็กพูดด้วยแววตามุ่งมั่น

จะว่าไปแล้วการที่ออมตัวเล็กก็ถือเป็นเรื่องดีเหมือนกัน ถึง แม้จะถูกใครๆ
หยิบเอาเรื่อง ส่วนสูงมาล้อเลียนอยู่บ่อยครั้ง แต่ออมก็ภูมิใจที่ความเป็นตัวเอง ทำให้ได้เล่นภาพยนตร์ หญิงรักหญิงเรื่อง “Yes or No อยากรักก็รัก เลย” ทั้งยังคิดว่าตัวเองโชคดีที่มีผู้ใหญ่ มอบโอกาสในวงการให้เธอเสมอๆ
“โดน ล้อเรื่องเตี้ยตลอดค่ะ แต่ก็ขำๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก
ตอนไปออกรายการ สาระแน พี่ๆ เขายังแซวเลยว่าเราลืมขาไว้ที่ บ้าน (น้ำเสียงโอดครวญ) แต่จะมองว่าเป็น ข้อดีก็ได้นะคะ พี่นาย ผู้กำกับหนังเขาบอกว่า แกรู้มั้ยถ้าแกไม่เตี้ย ไม่ได้เล่นหนังเรื่อง นี้นะ เพราะติ๊นาที่เล่นคู่กันเป็นผู้หญิงไงคะ แล้วเหมือนความเตี้ย ของเราไปทำให้เขาดู สมาร์ทขึ้น (หัวเราะ) ถ้าตัวเท่าๆ กันก็อาจ จะดูไม่น่ารักละ เราก็เอ้อ อาจจะจริง แต่ออมว่าออมเป็นคนโชคดี ค่ะ คิดดูว่าคนในวงการสมัยนี้สวยๆ หุ่นดีๆ กันทั้งนั้น เขามีชอยส์ ที่ดีกว่าเราอีกตั้งเยอะ แต่ก็ยังมีคนต้องการเราไปร่วมงาน บางคน บอกมาเลยนะว่าต้องเป็นเรา ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเห็นอะไร ในตัวออม แต่ก็ดีใจค่ะคิดว่าตัวเองเป็นคนโชคดีมาก”
นางเอกสาววัย 22 ยิ้มใสๆ ตบท้าย

 
ถาม อยากเป็น “นักแสดง” ไม่ใช่ “ดารา”
 

คงมีหลายคนอยากรู้ว่าตกลงแล้วเด็กต่างจังหวัดอย่างออมเข้าวงการ มาได้ อย่างไร เพราะ ถ้าเป็นเด็กกรุงเทพฯ คงไม่ใช่เรื่องแปลก เท่าใดนัก จะเข้าโครงการประกวดหรือสมัครผ่านโมเดลลิ่งก็มีพื้นที่ให้ถมเถ แต่สำหรับหญิงสาวหน้าหมวยคนนี้ เธอไม่เคยมี ความคิด จะเป็นดารามาก่อน เส้นทางที่เลือกตั้งแต่มัธยมฯ จนกระทั่งได้เรียนเอกการแสดงในมหาวิทยาลัย เป็นไปตามความรู้สึก อยากเรียนอยากทำในขณะนั้นเท่านั้นเอง
“บอกตรงๆ ว่าออมเป็นคนคิดอะไรสั้นๆ ค่ะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ถ้าเลือก เรียนการแสดงแล้วจะได้เป็นดารา ตอนใช้ชีวิตอยู่ที่โคราช ก็ไม่เคยรู้ว่า โมเดลลิ่งเป็นยังไงด้วยซ้ำ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่ได้คิด เลยค่ะว่าอนาคต จะเป็นอะไร เพราะคิดไม่ออก คิดแค่ว่าตอนนี้ อยากทำอะไรแล้วก็จะทำมันให้ดีที่สุด อย่างตอนเรียนมหาวิทยาลัย ก็ไม่รู้มาก่อนว่าคณะที่เลือกเรียนเกี่ยวกับอะไรบ้าง เหมือนเข้าไป แบบงงๆ เพราะรุ่นพี่ชวน บอกว่าเหมาะกับเรา แต่พอได้เริ่มเรียน ก็เริ่มรู้สึกว่าสนุกจังเลย ทำไมเราสนุกอย่างนี้ มีวิชาแอ็กติ้ง มูฟเมนต์ เขียนบท วิเคราะห์ ตัวละคร ได้เรียนทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลังเกี่ยวกับละครเวทีเลย อยากจะตั้งใจเรียนทุกคาบไม่อยากขาดทั้งที่ปกติ ตอนมัธยมฯ อย่างน้อยวันนึงต้องโดดคาบนึง มันเหมือนยิ่งได้เรียนยิ่งหลงรักศาสตร์นี้ค่ะ แล้วยิ่งพอได้โอกาส
ทำงานด้านนี้ก็เลยอยากจะทำให้ดีที่สุด”

ที่ออมได้เข้าวงการก็เป็นเพราะจับพลัดจับผลูเข้าไป ไม่ใช่เพราะความตั้งใจอยากเข้าวงการด้วยตัวเองตั้งแต่แรก เผอิญว่าอาจารย์ พิเศษคลาสแอ็กติ้งคือคนในวงการจึงชวนให้ออมลองเข้าไปเทสต์หน้ากล้องดู “เขาบอกว่าทางช่อง 3 กำลังจะมีรายการใหม่ อยากได้เด็กผู้หญิงประมาณเรา แต่อยากได้หลากหลาย คาแร็กเตอร์ ก็เลยลองไปดู พอไปแคสต์ปรากฏว่าผ่าน ก็เลยได้เป็น พิธีกรรายการสตรอเบอร์รี่ชีสเค้กรุ่นแรกค่ะ” ออมเท้าความให้ฟังเรายังอดสงสัยไม่ได้ว่าหญิงสาวที่อยู่ ตรงหน้าจะเรียนการแสดงไปเพื่ออะไรถ้าไม่คิดจะเป็นดาราตั้งแต่แรก “เรียนเพราะว่าอยากรู้ค่ะ เราเรียนเพราะอยากเป็น นักแสดง” เธอตอบ คนทั่วไปอาจมองว่านักแสดงกับ ดาราคือสิ่งเดียวกัน แต่ออมบอกว่าเธอถูกปลูกฝังให้มองสองอย่างนี้ต่างกัน “มันต่างกันมากนะคะ” เธอย้ำก่อนขยายความให้เราฟัง

 


  “ออมรู้จักวัดความแตกต่าง ของสองคำนี้ตอนที่เข้ามศว. ค่ะ รุ่นพี่จะชอบพูดว่าคนที่จะอยู่ที่นี่ได้ต้องเป็นนักแสดงนะไม่ใช่ดารา
เราเลยรู้ว่าดารากับนักแสดงมันต่างกัน ถามว่าต่างยังไง
ในความรู้สึกออมคนที่เป็นดาราเหมือนเขาไม่ได้เริ่มจากการแสดง
แต่เข้าไปในวงการเพื่อที่จะมีชื่อเสียง แต่การที่เราเป็นนักแสดง
เราไม่จำเป็นต้องเป็นดาราก็ได้ เหมือนมองว่าการแสดงเป็น ศาสตร์ๆหนึ่ง และเรารักที่จะทำในศาสตร์ๆ นั้น อาจไม่ต้องให้ โด่งดังให้คนนิยมชมชอบแค่เราพอใจในงานของตัวเองและทำให้ดี ที่สุดก็พอแล้วค่ะ”
แล้วตอนนี้เราเป็นดาราหรือนักแสดง?ออมตอบคำถามของเราด้วยน้ำเสียง
หนักแน่นแบบไม่ต้องเสียเวลาหยุดคิดว่า
“เป็นนักแสดงค่ะ ตอนนี้เวลามีใครมาบอกว่าออมเป็นดารา เรายังรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่เลย รู้สึกว่ามันไม่ใช่เราเป็นแค่เด็ก ต่างจังหวัด คนนึง ไม่เคยคิดว่าจะต้องมีชื่อเสียง เลยคิดว่าตัวเอง เหมาะกับคำว่า นักแสดง มากกว่า แต่ไม่ได้บอกนะว่าตัวเองเป็น นักแสดงที่ดีแล้ว ตอนนี้ถ้าเต็ม 5 ดาวคงให้ตัวเองสัก 3 ดาวค่ะ คิดว่ายังต้องฝึกฝีมือ เก็บชั่วโมงบินอีกเยอะ”
ออมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง



  ขอแค่คำว่า “ประสบการณ์”
 

เข้าวงการมาได้เกือบ 4 ปีแล้ว แต่ดูเหมือนชื่อ “สุชารัตน์ มานะยิ่ง” จะยังไม่โด่งดังมากนัก ทั้งๆที่ผลงานของเธอไม่ได้ขี้ริ้ว ขี้เหร่อะไร ถามว่าอะไรทำให้เธอคนนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าที่ควร เธอบอกว่าส่วนหนึ่งอาจเพราะ ไม่เคยมีโอกาสได้รับบทนางเอก ละครเลยสักครั้ง
“ออม เคยเป็นนางเอกหนัง เป็นนางเอกละครเวที แต่ไม่เคยเป็น นางเอกละครค่ะ ส่วนใหญ่จะเล่นเป็นบทรองๆ มากกว่า ก็เลยอาจจะทำให้ คนส่วนใหญ่ ไม่ค่อยคุ้นหน้าเรา เพราะความเป็นหนังมันไม่แมสเท่าละคร คนดูหนัง จะมีแค่กลุ่มหนึ่งแต่ละครมีคนดูทั้งประเทศส่วนเรื่องที่ไม่ได้เป็นนางเอกละครก็ไม่ได้ น้อยอกน้อยใจอะไร เข้าใจดีว่าเป็นเพราะคุณสมบัติเรามีไม่พอ ออมคิดว่าคนที่จะเป็นได้ นอกจากต้องมีความสามารถแล้ว จะต้องสูง แล้วก็สวยด้วย เรื่องส่วนสูงคือต้องพอดี เวลาประกบกับพระเอกแล้วจะได้แมตช์กัน ส่วนเรื่องสวยเท่าที่สังเกตมา รู้สึกว่านางเอก ในวงการส่วนใหญ่เขาสวยทุกมุมจริงๆ แต่ออมไม่ได้สูงแล้วก็ไม่ใช่คนสวยทุกมุมด้วยไง ออมไม่ใช่คนสวยว่างั้นเหอะ (หัวเราะ)” นางเอกหน้าใสพูดกับเราตรงๆ อย่างไม่ปิดบัง
        

       เราตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมาตัวบทที่ออมรับเล่นอาจยังไม่โดดเด่นเพียงพอ การรับบทนางเอกในผลงานภาพยนตร์หญิงรักหญิง เรื่องล่าสุดจึงอาจเป็นนิมิตหมายอัน ดีสำหรับเธอ และอาจทำให้ออมโด่งดังจากบทดี้ อย่างที่มาริโอ้ เมาเร่อเคยสร้างชื่อ จากบทเกย์ มาแล้ว ถามว่าคาดหวังไว้แค่ไหนว่าบท ภาพยนตร์จะช่วยส่งให้ตัวเอง ดังมากขึ้น ออมตอบว่าเธอไม่เคยคิดเรื่องชื่อเสียงมาก่อน เพราะตอนตัดสินใจรับเล่น จะพิจารณาจากความน่าสนใจของบทเป็นหลักมากกว่า
       “พูดตรงๆ เลยนะคะ ตอนแรกออมคิดว่าจะไม่รับเล่นเรื่องนี้ด้วยซ้ำ เพราะรู้สึกว่าหนังดูเสี่ยงๆเสี่ยงทั้งเรื่อง ผู้กำกับใหม่ เสี่ยงทั้งเรื่อง โปรดักชันเล็กเพราะยังเป็นค่ายหนังใหม่ มันเหมือนไม่มีอะไรการันตีว่างานที่เราทำ ออกมาจะเป็นยังไง แต่พอมาคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่ามันไม่มี อะไรจะเสีย ยกเว้นเราจะทำตัวเองให้แย่เอง เล่นไม่ดีเอง แล้วบทที่น่า สนใจแบบนี้มันก็มีมาน้อยด้วย อ่านบทจบทั้งเรื่อง รู้สึกเลยว่าน่ารักอ่านไปก็คิดไปว่าถ้าเราเล่นจะ ออกมาเป็นยังไง คือเวลาอ่านแล้วมันจะ เกิดภาพในหัว พอเห็นภาพ ใจเราก็อยากเล่น ก็เลยตัดสินใจรับเล่นค่ะ ส่วนเล่นแล้วจะดังหรือไม่ดังยังไง ไม่ค่อยได้โฟกัสเรื่องนั้น”



 

งานทุกชิ้นที่เลือกทำออมสนใจเรื่องประสบการณ์ที่จะได้รับมากกว่าเรื่องชื่อเสียง และค่าตอบแทน เช่นเดียวกับที่เธอเคยมีโอกาสร่วมงานกับบอย ถกลเกียรติ ในละครเวทีเรื่อง “กินรีสีรุ้ง” ถึงแม้ต้องทุ่มแรงกายแรงใจซุ่มซ้อมเป็นเดือนๆ เพื่อการแสดงเพียงไม่กี่วัน แต่เทียบกับประสบการณ์ที่ได้รับแล้ว เธอบอกว่า เกินคุ้มจริงๆ
       “ละคร เวทีเรื่องนี้ให้อะไรกับออมเยอะมาก เป็นสิ่งที่สามารถ เอาติดตัวกลับไปใช้จนตายได้เลย ศาสตร์ที่ได้จากครูที่สอนทุกอย่าง ทั้งเต้น ทั้งร้อง ทั้งแอ็กติ้ง เก็บเอาไปใช้ได้หมดแต่กว่าจะผ่านช่วง เวลานั้น มาได้แทบตาย ต้องเรียนบัลเลต์ต้องดัดตัวทั้งๆที่ไม่เคย มาก่อน ซึ่งเป็นอะไรที่หนักมาก ไหนจะเรื่องแรงกดดันอีก เป็นละครเวทีเรื่องแรก ที่ต้องเล่นกับระดับมืออาชีพ ทุกครั้งที่ฟัง คำคอมเมนต์ จะมีเราที่โดนดุ อยู่คนเดียวตลอด ถูกพี่บอยติแต่ละทีนี่ ละลายไปเลย บอกว่าเล่นอะไรเนี่ย คิดว่าหน้าสวย อย่างเดียวแล้ว คนข้างหลังจะมองเห็นเธอแสดงเหรอ อะไรประมาณนี้ ตอนนั้นเครียด มาก ทั้งเหนื่อยทั้งท้อ กลัวว่าวันแสดงจริง จะทำไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ ผ่านไปด้วยดี ผ่านงานนั้นมาได้รู้ซึ้งเลยค่ะว่าคำว่า ประสบการณ์ คืออะไร” ออมกะพริบตาถี่เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดช่วงหนึ่ง ในชีวิตนักแสดงของเธอ

 
  ไม่รังเกียจที่ได้เป็น “นางเอกดี้”
 

ตกลงไม่ได้เป็นจริงๆ ใช่มั้ย? เราถามให้แน่ใจอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ผ่านฉากจูบผู้หญิงด้วยกันมาแล้ว และดูเหมือนว่าเธอจะเล่นได้อย่างแนบเนียนเสียด้วยในภาพยนตร์เรื่อง “Yes or No อยากรักก็รักเลย” ที่ออมรับบทเป็น นางเอก มีฉากจูบจริงทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งถือเป็นฉากเลิฟซีนจริงๆ ครั้งแรกของออมตั้งแต่เข้าวงการมา เมื่อให้เปรียบเทียบ ประสบการณ์จูบจากทั้งสองเพศ หญิงแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์อย่างออมนิ่งคิดแล้วตอบว่า “คิดว่าจูบกับผู้หญิงยากกว่าค่ะ มันเป็น ความรู้สึกที่ไม่เคย รู้สึกแปลกๆ ต้องตั้งสติอยู่นานเหมือนกันกว่าจะเล่นได้” สาวห้าวทิ้งมาดลุยๆ แล้วพูดด้วยท่าทีเขินๆ
             
       เมื่อชีวิตจริงไม่เคยชอบผู้หญิงแต่ต้องแสดงความรู้สึกว่ารักเพศเดียวกัน การรับบทในหนังหญิงรักหญิงเรื่องนี้จึงค่อนข้าง
ท้าทายออมอยู่มาก เพื่อให้อินกับความรู้สึกของตัวละครมากที่สุด ออมบอกว่าเธอใช้วิธีเลิกมองผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าว่าเป็นผู้หญิง เลิกแบ่งเพศ แล้วหันมาใส่ใจเรื่องความรู้สึกแทน “เวลา แสดง ออมจะไม่มองว่าเราจะต้องมีความรู้สึกกับผู้หญิงต้องรัก ผู้หญิง แต่จะตั้งโจทย์ว่าเราจะรักคนที่อยู่ตรงหน้าให้ได้มากที่สุดยังไงมองเขาในฐานะคนคนหนึ่งที่เราสามารถ
รักได้ ไม่ได้มองว่าเขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย คิดว่าผู้หญิงที่รักกันจริงๆ เขาน่าจะคิดแบบนี้ ซึ่งเป็นอะไรที่ยาก มากค่ะ เราต้องพยายามบอกตัวเองให้รู้สึกมาจากข้างในจริงๆ ตลอดเวลาที่เล่น”
นักเรียนการแสดงพูดอย่างเข้าใจ
              
       เล่นหนังแบบนี้ ไม่กลัวคนติดภาพว่าเป็นดี้จริงๆ หรือ? เราถามคำถามที่เชื่อว่าหลายคนคงอยากรู้ ออมยิ้มอย่างสบายๆ แล้วตอบว่า “ออมอยาก ให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้วค่ะ อยากให้คนดูงานของเราแล้วจำภาพได้ จะจำว่าออมเป็นดี้ไปเลย ก็ได้ ไม่ว่าอะไร ถ้าคนดูคิดแบบนั้นจริง ออมคิดว่ามันคือความสำเร็จของงานแสดงว่าเราสามารถทำให้เขาจดจำ ภาพเราได้ อยากให้ทุกงานที่ทำเป็นมาสเตอร์พีซ จะจำออมจากบทบาทเรื่องไหนก็ดีว่าดีทั้งนั้นค่ะ” และถึงแม้ว่าหนังเรื่องนี้อาจทำให้ผู้ชายจีบออมน้อยลงและมีทอมหันมาสนใจเธอมากขึ้น ออมก็ยังพอใจกับงานที่ทำ เพราะเธอมองว่า
“คนอื่นจะเข้าใจว่าเราเป็นยังไง มันไม่สำคัญเท่าที่เราเป็นอะไรหรอกค่ะ
ส่วนเรื่องแฟนคลับที่คาดว่าจะมีกลุ่มหญิงรักหญิง หันมาชื่นชอบออมมากขึ้นหลัง จากหนังเรื่องนี้ฉายแล้ว ออมก็มองว่าเป็นเรื่องดีที่หนังเรื่องนี้จะทำให้มีคนรักใคร่ชอบพอเธอมากขึ้น

 


         ถามว่ารู้สึกอย่างไรถ้าคนส่วนหนึ่งในสังคมจะตั้งแง่กับหนังเรื่องนี้เมื่อเห็นว่า
พูดถึงเรื่องความรักของเพศที่สาม ใน ฐานะที่เป็นนางเอกของเรื่อง ออมอยากให้
ทุกคนเปิดใจ โดยเฉพาะคนที่คิดว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดี หรือสนับสนุนให้วัยรุ่นผิดเพศมากขึ้น
       “เราปฏิเสธไม่ได้ว่าความรัก แบบนี้มันมีอยู่จริง มีมานานแล้วด้วย แต่แค่ยังไม่ค่อยยอมรับกันเท่าไหร่ อยากให้ทุกคนลองเปิดใจกว้างๆ
ลองทำความรู้จักกับมันดูคุณไม่อยากรู้หรือว่าความรักที่คุณคิดว่าเป็นไปไม่ได้ เมื่อเป็นไปได้มันจะเป็นแบบไหน มันอาจจะสวยงามกว่าที่คุณเคยมองก็ได้ ส่วนคนที่คิดว่าหนังเรื่องที่จะทำให้คนที่ดูหันมาเป็นดี้เป็นทอมมากขึ้น
อยากบอกว่าเป็นไปไม่ได้ค่ะ เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ใช่เห็นปุ๊บแล้วจะติดต่อกัน
ได้ทันที ออมคิดว่าหนังเรื่องนี้จะช่วยให้คนในสังคมเข้าใจกันมากขึ้น ทำให้คนที่เป็นเพศที่สามรู้สึกว่าพวกเขาก็มีตัวตนในสังคมเหมือนกัน”



  อยากรักก็รักเลย ไม่จำกัดเพศ
 

เข้าใจบทบาทการแสดงของตัวละครได้อย่างลึกซึ้งขนาดนี้ ชีวิตจริงยอมรับเพศที่สาม ได้มากแค่ไหน? สาวหน้าหมวย ตอบด้วย น้ำเสียงหนักแน่นว่า “ยอมรับได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ค่ะ” ออมเรียนโรงเรียนหญิงล้วนมาก่อนจึงพอเข้าใจว่าคนที่รักเพศเดียวกัน เป็นอย่าง ไร เคยเห็นเพื่อนสาวที่เป็นรูมเมตกันกลายเป็นแฟนกันไปหลายคู่ ออมเข้าใจดีว่าเรื่องแบบนี้เป็นรสนิยมของแต่ละคน และไม่เคยคิดรังเกียจเลย
“คิดว่าเป็นเรื่องปกติมากค่ะ เหมือนกินอาหารแล้วมีคนถามว่าคุณชอบอะไร ไม่มีใครตอบเหมือนกันแน่นอน เรื่องแบบนี้มันเป็นความชอบ เป็นเรื่องรสนิยม ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วเข้าใจกันดูแลกันได้คบกันแล้วทั้งสองคน มีความสุข ก็โอเคแล้ว จะเป็นตุ๊ด เกย์ ทอม ดี้ จะเป็นเพศไหนก็ไม่เป็นไรค่ะ”
ออมยิ้มด้วยรอยยิ้มของคนที่เข้าใจจริงๆ
              
       เมื่อถามว่ายังมีเรื่องอะไรที่น่าเป็นห่วงสำหรับเพศที่สามในสังคมไทย เธอ มองว่าน่าจะเป็นเรื่องการยอมรับของครอบครัว จากประสบการณ์ของคนใกล้ตัว ยังมีเพื่อนอีกหลายคนที่รู้ตัวว่าชอบเพศเดียวกันแต่ต้องพยายามปิดบังผู้ ปกครองเพราะกลัวว่า จะรับไม่ได้ บางรายพ่อแม่รู้แล้วแต่ไม่ยอมรับ ทำเป็นไม่สนใจมิหนำซ้ำยังพยายามจับคู่ให้เป็นแบบหญิงชายอีก เกี่ยวกับเรื่องนี้ ออมคิดว่าการเปิดใจพูดคุยกันน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งสำหรับคนที่เป็นเพศที่สามและผู้ปกครอง
       “โลกเราสมัยนี้เปลี่ยนไปแล้ว ถ้าอยากจะให้เป็นไปในทิศทางไหน อยากจะให้คุยกันไม่อยากให้เก็บไว้แล้ว เกิดเป็นปัญหาในวันข้างหน้า ออมเคยเห็นมาจากเพื่อนเราแล้วว่าเขาต้องอึดอัดขนาดไหนจากการที่ครอบครัวไม่ ยอมรับ อยากให้พ่อแม่ที่มีลูกเป็นเพศที่สามลองเปิดใจ อยากให้เข้าใจว่ามันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงหรือผิดบาปอะไร ถ้าเลือกได้คงไม่มีใครอยากเป็นแบบนั้นเหมือนกันค่ะ แต่ในเมื่อมันเป็นไปแล้ว ห้ามไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น อยากให้ลองโฟกัสไปที่อย่างอื่นมากกว่า ลองดูว่าเขาเป็นคนดีของสังคมหรือเปล่า ลองหันมาใส่ใจลูกเรื่องอื่นแทน ดีกว่ามานั่งห้ามนั่งจับผิดกัน” ออมให้คำแนะนำด้วยความหวังดี



 

      นอกจากมุมมองเรื่องครอบ ครัวแล้ว หนังหญิงรักหญิงเรื่องนี้ยังพูดถึง เรื่องการเหยียดเพศเอาไว้ด้วย มีฉากหนึ่งในเรื่องที่ตัวละครชายพูดว่า “ยังไงๆ ของแท้ มันก็ย่อมดีกว่าของปลอม” ถึงแม้ออมไม่ได้เป็นทอม หรือเป็นดี้ แต่ในฐานะที่เป็นเพศหญิง เธอมองว่าความคิดแบบนี้เป็น ความคิดที่ผิดและไม่ควรปล่อยให้มีอยู่ในสังคม
“ผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่ค่อยชอบทอมแล้วเขาก็จะมีความคิดอย่างนี้ จริงๆ ซึ่งคิดว่าเป็นอะไรที่แรงมาก เหมือนเป็นการดูถูกกัน ส่วนตัวไม่ชอบเลยค่ะ บางทีก็อยากจะบอกผู้ชายเหมือนกันว่า อย่ามาดูถูกคนที่เป็นทอมได้มั้ย จะเป็นของแท้หรือของเทียม ก็ไม่อยากให้วัดคุณค่ากันด้วยเรื่องเพศ อยากให้เคารพสิทธิของ แต่ละบุคคลด้วยค่ะ”สาวหน้าหวานพูดด้วยน้ำเสียงฉะฉานและตรงไปตรงมา

ถ้าวันหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดกับตัวละครในเรื่อง เกิดขึ้นในชีวิตจริง คิดว่าตัวเองจะสามารถรักผู้หญิงได้บ้างมั้ย? ออมนิ่งคิดกับคำถามสุดท้าย ของเราสักพักก่อนค่อยๆ ตอบอย่างช้าๆ ว่า
“คิด ว่าได้ค่ะ...ถ้าถึงตอนนั้นออมอยู่กับคนคนนั้นแล้วเรารู้สึก แฮปปี้ แล้วเรารู้ตัวว่าเป็นความรักที่ไม่ใช่แบบเพื่อน ออมก็จะ ไม่ฝืนนะ คงไม่มานั่งปฏิเสธว่าเทสต์ฉันคือผู้หญิง ฉันต้องชอบ ผู้ชายเท่านั้น ถ้าเรารักเขาจริงๆ คิดว่าตอนนั้นคงไม่สนแล้วว่า เขาคือผู้หญิง แต่ว่าตอนนี้ยังไม่เป็นนะ”
ออมตอบไปยิ้มไป พร้อมกับหัวเราะอย่างจริงใจตบท้ายตามแบบฉบับของเธอ


  การได้พูดคุยกับออมในวันนี้คงช่วยให้ใครๆ กล้าทำตามหัวใจ ของตัวเองมากขึ้น และเชื่อว่าหลายคนได้เซย์เยส
ให้ชื่อ “ออม สุชารัตน์ มานะยิ่ง” เข้ามาเป็นนางเอกในดวงใจ
อีกหนึ่งคน ไปเรียบร้อยแล้ว

 
 

* ดูประวัติ สุชารัตน์ มานะยิ่ง

* ดูอัลบั้มรูป สุชารัตน์ มานะยิ่ง


 
 

Box Office

เรื่อง
ล่าสุด
รวม
1.
2.
3.
4.
5.
เรื่อง
ล่าสุด
รวม
1.
2.
3.
4.
5.

บทสัมภาษณ์ทั้งหมด

 
 
 

ติดตามหนังดี : Youtube Instagram Facebook Twitter  

MMM Digital Asset Co.,Ltd.
109 อาคารซีซีที ชั้น 2 ถนนสุรวงศ์
แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
Tel. 0-2234-7535    FAX. 0-2634-4269
E-mail: webmaster@nangdee.com   © 2006 nangdee.com
แผนที่ | sitemap | ติดต่อโฆษณา