ถาม

ก็ดีค่ะ แต่อยากจะบอกก่อนว่าละครเรื่องนี้เป็นพีเรียดจริง ๆ เนื้อหาหรือ บทจะไม่แรง ดูได้เรื่อย ๆ เนื้อหาจะเน้นถ่ายทอดแค่ความรักระหว่าง พระเอกกับนางเอกเท่านั้น ถามว่าฟีดแบ็กข้างนอกเป็นอย่างไรบ้าง มิ้นท์ไม่ค่อยได้ออกไปข้างนอกเท่าไหร่ แต่คนก็เรียก “คุณน้อย” จากที่ แต่ก่อนตอนที่เล่น “เงารักลวงใจ” คนจะเรียกว่า “ข้าวหอม” แค่นี้มิ้นท์ก็ดีใจแล้วนะที่คนจำเราได้ ก็ถือว่ากระแสตอบรับดีในระดับหนึ่ง

ถาม

ก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะตัวละครก็แตกต่างกันอยู่แล้ว คนดูสมัยนี้อาจจะ ชอบนางเอกแบบสู้คน แต่บทคุณน้อย ในเรื่องไม่ใช่แบบนั้น เราก็ต้องเล่นไปตามบทบาทที่เราได้รับ

ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 แล้ว การทำงานของเราเป็นอย่างไรบ้าง

ก่อนหน้านี้มิ้นท์มีปัญหาในเรื่องของการใช้เสียง พอมาเล่นเรื่องนี้ ก็ขอขอบคุณทุก ๆ กำลังใจที่ส่งมาให้เรา เขาก็บอกว่าเราแสดงได้ดีขึ้น เราอาจจะไม่เก่งเหมือนคนอื่น แต่แค่เขาเห็นว่าเราพัฒนาขึ้นเราก็ดีใจแล้ว เรื่องที่ยังมีคนวิจารณ์การแสดงของเรา เราไม่เคยท้อนะ เวลาทำงานเราก็ พยายามทำให้เต็มที่ ทุกวันนี้เวลาว่างมิ้นท์ก็ยังไปเรียนการแสดงอยู่ อย่างเรื่องการใช้เสียงมิ้นท์ก็ไปเรียนด้วย ช่วยได้เยอะมากเลยนะ แต่พอมาเล่นเรื่องนี้ อาตู่-นพพล รู้ว่ามิ้นท์กังวลเรื่องเสียง อาตู่ก็สอนว่า อย่ามัวแต่กังวลเรื่องนี้ไม่อย่างนั้นการแสดงเราจะออกมาหลอก ถ้าแอ๊คติ้ง เราได้ อารมณ์ก็จะพาเสียงเราไปเอง เพราะเนื้อเสียงมิ้นท์ก็เป็นอย่างนี้ อยู่แล้ว ให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติดีกว่า

บทบาทที่ผ่านมาของมิ้นท์ส่วนใหญ่ค่อนข้างจะเรียบร้อย อยากลองเปลี่ยนไปเล่นบทที่มีสีสันบ้างมั้ย

ล่าสุดมิ้นท์ได้รับบทพลิกมาเล่นร้ายใน “เกมร้าย เกมรัก” แตกต่างจาก 2 เรื่องที่ได้รับมา แสดงกับ ณเดชน์ คูกิมิยะ และ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ได้ถ่ายทำไปบ้างแล้วประมาณ 2-3 คิว พอมาเล่นร้ายมิ้นท์รู้สึกว่า กระฉับกระเฉงดี (หัวเราะ) แต่ก่อนต้องเล่นบทยอมคนตลอด แต่พอมา เรื่องนี้ต้องค่อย ๆ ร้ายขึ้นทีละนิด ๆ มิ้นท์ว่ายากนะ เพราะบทจะเป็นผู้หญิง ที่เก่งและตัดสินใจเด็ดขาด ตอนที่เล่นมิ้นท์จะขี้เกรงใจไม่ค่อยกล้าด่าคน แต่พี่ดา-หทัยรัตน์ ก็บอกว่าเราต้องกล้านะ เราสั่งคนได้แล้ว และเราต้อง เปลี่ยนมาเล่นเป็นคนมั่นใจ ซึ่งต่างจากตัวจริงของมิ้นท์มาก ต้องปรับตัว พอสมควร

ที่ผ่านมาคนมักจะติดภาพมิ้นท์ว่าเรียบร้อย จริง ๆ แล้ว มิ้นท์เป็นคนยังไง

มิ้นท์ว่าคนเราก็มีครบรสนะ อาจจะไม่ได้โหวกเหวกโวยวาย แต่ก็ไม่ได้ เรียบร้อยเหมือนบทบาทที่เราได้รับ เพียงแต่ว่าเวลาเราอยู่กับคนไม่สนิท เราก็ไม่กล้าเล่นเฮฮาอะไรมาก อยู่กับเพื่อนก็จะเฮฮาได้ อยู่กับครอบครัว เราก็เป็นตัวเองได้เต็มที่ แล้วแต่ว่าเราอยู่กับใครมากกว่า

ไม่กลัวเลย เพราะผู้ใหญ่บอกว่าเราต้องลองเล่นให้ได้หลายบท เราไม่ได้เป็นคนเก่งมากมีความสามารถถึงขนาดเลือกบทได้ การเปลี่ยนบทเหมือนเป็นการฝึกตัวเอง แล้วก็ไม่ต้องจำเจรับบทเดิม ๆ มิ้นท์ไม่ยึดติดกับบทนางเอก พี่ดา-หทัยรัตน์ สอนว่าเราอย่าไปยึดติด ถ้าเราทำงานแล้วเราพัฒนา เราก็สามารถเล่นบทไหนก็ได้ เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้กับตัวเอง

ตั้งแต่ตอนแรกที่เข้ามาทำงานตรงนี้ มิ้นท์ไม่ได้รู้สึกว่ากลัวอะไร แต่ละคน ก็มีบุคลิกและคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันออกไป อย่างเราก็มีงานเรื่อย ๆ ซึ่งมิ้นท์ก็ไม่ได้คิดมาก เราก็ทำหน้าที่ของเราไป ส่วนเรื่องที่นางเอกคนอื่น ได้รับการพูดถึงมากกว่าเรา มิ้นท์ไม่น้อยใจเลยนะ อย่างเวลาที่คนอื่นมีงาน เยอะ เราก็ดีใจกับเขาไปด้วย เพราะบางคนก็เป็นคนที่เรารู้จัก อย่าง ญาญ่า-อุรัสยา และ ณเดชน์ ขอแค่มีงานให้เราทำก็พอแล้ว

คิดจะสร้างจุดเด่นให้แตกต่างจากนางเอกคนอื่นบ้างหรือเปล่า

มิ้นท์ไม่เคยคิดตรงนั้น เราก็เป็นเราดีที่สุดแล้ว แค่เราวางตัวให้เหมาะสม ก็พอ

มิ้นท์ไม่เคยสร้างภาพว่าตัวเองเรียบร้อยนะ เราก็ห้าว ๆ ตามสไตล์เราแบบนี้ อย่างเรื่องข่าวที่ออกมา เช่น สาดเหล้าใส่ มิ้นต์-ชาลิดา หรือข่าวเสียหายอื่นๆ เมื่อก่อนมิ้นท์ซีเรียสมากเลยนะ รีบโทรฯหาแม่ว่าจะทำยังไงดี แต่แม่บอกว่า ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง ก็หัวเราะใส่มันซะ จะเก็บมาใส่ใจทำไม  เพราะถ้า มิ้นท์เครียด แม่ก็เครียดนะ  ทำให้เรารู้สึกดีอย่างน้อยคนในครอบครัว ก็เข้าใจเรานะ อย่างข่าวที่ว่ามิ้นท์เป็นสาวปาร์ตี้ มิ้นท์ก็ยอมรับว่ามิ้นท์ไป เพราะอายุเราถึง ก็ต้องมีไปเที่ยวบ้างตามประสาวัยรุ่น อย่างเรื่องที่สาดเหล้า ใส่ มิ้นต์-ชาลิดา นั้น มิ้นท์เชื่อว่าถ้าเป็นเรื่องจริง ฝ่ายที่โดนกระทำคง ไม่ยอมหรอก

เหมือนมิ้นท์รับมือกับข่าวต่าง ๆ ได้ดีขึ้น

ข่าวทำให้มิ้นท์เข้มแข็งขึ้นมาก จากเมื่อก่อนเจอข่าวแรง ๆ ก็ร้องไห้ เดี๋ยวนี้พอเจอข่าวไม่จริง เราก็หนักแน่นที่จะเผชิญกับมัน ถามว่าเราโดน ปล่อยข่าวสกัดดาวรุ่งหรือเปล่า มิ้นท์ไม่รู้เหตุผลของคนที่ปล่อยข่าวนะ แต่มิ้นท์เชื่อว่าข่าวที่ไม่จริงทำอะไรเราไม่ได้อยู่แล้ว สุดท้ายแล้วเนื้อแท้ ของเราก็จะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดว่าเราเป็นอย่างนั้นจริง หรือเปล่า

จริง ๆ กับหมากสนิทกันตั้งแต่ก่อนเล่น “เงารักลวงใจ” ด้วยกันอีก เราเป็นเพื่อนกันได้เจอกันตลอด อย่างคนเราอาจจะมีเพื่อน 10 คน แต่อาจจะพูดคุยถูกคอกันแค่ 3 คน ซึ่งหมากเป็นหนึ่งในนั้น เป็นคนที่เรา สามารถปรึกษาได้ ตอนนี้ก็เป็นเพื่อนกัน อย่างที่มีคนเห็นควงกันไปดู คอนเสิร์ตที่อัมพวา จริง ๆ ไปกันหลายคน แต่คนอื่นที่ไปด้วยไม่ใช่ คนในวงการ แต่มีแค่มิ้นท์กับหมากที่คนรู้จักก็เลยเป็นข่าว

เราเป็นเพื่อนในกลุ่ม เราก็สนิทกัน แต่ที่คนจับตาดู เพราะเราเล่นละครด้วยกันก็แค่นั้นเอง

แล้วกับผู้ชายที่ชื่อ “แชมป์” ที่เคยเป็นข่าวกับมิ้นท์ล่ะ

เขาเป็นคนกรุงเทพฯ ที่ไปทำธุรกิจที่เชียงใหม่ มิ้นท์รู้จักเขาตั้งแต่ก่อน เข้าวงการ ตอนนั้นเราเรียนที่เชียงใหม่ แล้วพอมิ้นท์เข้าวงการ เราได้เจอกันเยอะขึ้น มีไปทานข้าวดูหนังกัน แต่ก็ยังไม่ใช่แฟน ทั้งนี้ทั้งนั้น คนเราพอมันไม่ใช่ เรื่องก็เงียบไปเอง อย่างตอนนี้ไม่ได้คุยกันแล้ว ถ้าเจอก็คุยกัน

เป็นเพราะพักหลังมิ้นท์มาสนิทกับหมากหรือเปล่า

ริง ๆ มิ้นท์ไม่เคยห่างกับหมากเลย เราก็เป็นเพื่อนแบบนี้อยู่แล้ว อย่างตอนที่คุยกับแชมป์ หมากก็รู้ ไม่มีหึงหวงกัน เราเป็นเพื่อนกันจริง ๆ แต่ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งจะพัฒนากันมากกว่านี้ก็ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ความสัมพันธ์เรายังเป็นเหมือนอย่างที่เคยเป็น

บางคนถ้าเป็นแค่เพื่อนก็ปิดโอกาสเลย แต่กับหมากเราเปิดโอกาส ให้เขามั้ย

มิ้นท์ไม่ได้เปิดและไม่ได้ปิด แต่เราก็ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

ผู้ชายที่ตรงสเปกมีเยอะจังเลย (หัวเราะ)  ก็ไม่รู้ว่าหมากตรงหรือเปล่า แต่เราคุยกันรู้เรื่อง เราเป็นคนลำปางด้วยกัน และเราก็เข้าวงการมาพร้อม ๆ กัน มีอะไรก็ปรึกษาเขาได้

พอดีคุณพ่อของมิ้นท์ป่วยเป็นมะเร็งในตับระยะสุดท้าย คุณหมอบอกว่า คุณพ่ออยู่ได้อีกไม่นาน ช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมามิ้นท์ก็เลยกลับไปดูแล และใช้เวลาอยู่กับท่านให้มากที่สุด ล่าสุดคุณพ่อก็เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ขอจัดการเรื่องงานศพคุณพ่อก่อน เพราะหลังจาก ที่คุณพ่อเสีย ครอบครัวของมิ้นท์ก็คงมีเรื่องต้องจัดการเยอะ ยังไม่อยากคิด เรื่องอื่น ขอดูแลครอบครัวก่อนว่าหลังจากนี้จะวางแผนอะไรยังไงต่อไป เพราะมิ้นท์ต้องดูแลแม่และน้องสาวอีก เรื่องความรักยังไม่อยากคิด อะไรมากค่ะ