

สวัสดีครับ มาเจอกันอีกแล้วครับกับ “นัวฟิล์ม” วันนี้ผมจะมาแนะนำภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่าเป็นสุดยอดหนังภัยพิบัติที่น่าจดจำ เป็นหนังหายนะทางธรรมชาติโดยฝีมือผู้กำกับ 2012 ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวเดียวกัน แต่เรื่องที่ผมจะนำมาเขียนวันนี้เป็นภาพยนตร์ที่มีชื่อเรื่องว่า The Day After Tomorrow วิกฤติวันสิ้นโลก ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้มาฉายในบ้านเราเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ถือเป็นภาพยนตร์ที่เรียกว่าเก่าแต่เนื้อเรื่องรวมถึงภาพที่นำเสนอนั้นไม่เก่าเลยแม้แต่น้อย

เนื้อเรื่องย่อ
จะเป็นอย่างไรหากโลกเรากำลังจะเข้าสู่ยุคน้ำแข็งครั้งใหม่?
นี่เป็นคำถามที่ตามหลอน แจ็ค ฮอลล์ (เดนนิส เควด) ผู้เป็นนักกาลวิทยา ผลที่ได้จากการค้นคว้าของฮอลล์ระบุว่า สภาวะโลกร้อนอาจเป็นชนวนหายนะแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันของภูมิอากาศโลก แกนน้ำแข็งที่เขาทำการเจาะในทวีปแอนตาร์กติกาบ่งว่ามันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน และในตอนนี้เขาได้ส่งคำเตือนไปยังหน่วยราชการ ว่ามันอาจเกิดขึ้นอีกครั้งหากไม่มีการดำเนินการโดยทันที แต่คำเตือนของเขามาถึงช้าเกินไป
ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้นเมื่อฮอลล์ได้เจอกับก้อนน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่พอๆ กับรัฐโร้ดไอส์แลนด์ ซึ่งแตกออกมาจากภูเขาน้ำแข็งในขั้วโลกใต้ และจากนั้นคือปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงของอากาศอย่างรุนแรง ซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องไปทั่วโลก : ลูกเห็บขนาดใหญ่เท่าผลส้มโอตกกระหน่ำเมืองโตเกียว ลมพายุเฮอริเคนรุนแรงชนิดทำลายสถิติพัดเข้าสู่ฮาวาย หิมะตกที่เมืองนิวเดลี และจากนั้นพายุทอร์นาโดหลายลูกก็เข้ากวาดเมืองลอสแอนเจลิส
-large-picture-(4).jpg)
โทรศัพท์ที่เขาได้รับจาก ศาสตราจารย์แร็พสัน (เอียน โฮล์ม) เพื่อนร่วมงานในสก็อตแลนด์ ยืนยันให้กับความกลัวที่ร้ายแรงที่สุดของแจ็ค : สภาวะอากาศรุนแรงเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั่วโลก น้ำแข็งที่ปกคลุมบนขั้วโลกได้ละลายและทำให้น้ำไหลทะลักลงสู่มหาสมุทร และรบกวนกระแสคลื่นซึ่งเป็นตัวสร้างสมดุลย์ของระบบภูมิอากาศของเรา สภาวะโลกร้อนได้ผลักดันให้โลกเฉียดเข้าไปใกล้กับยุคน้ำแข็งครั้งใหม่ และมันจะเกิดขึ้นในระหว่างที่พายุมหึมาลูกหนึ่งถล่มไปทั่วโลก
ในขณะที่แจ็คเตือนทำเนียบขาวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่กำลังคุกคามโลกนั้น แซม (เจค จิลเลนฮาล)ลูกชายวัย 17 ของเขาก็ติดอยู่ในนิวยอร์ค ซิตี้ ในระหว่างที่เขาและเพื่อนๆ ไปร่วมแข่งขันด้านวิชาการระดับมัธยม และตอนนี้เขาต้องเผชิญกับอุทกภัยร้ายแรงและอุณหภูมิที่กำลังดิ่งลงอย่างรวดเร็วในแมนฮัตตัน ต่อมาเมื่อได้ถูกอพยพเข้าไปอยู่ในหอสมุดสาธารณะแห่งแมนฮัตตัน แซมจึงสามารถติดต่อกับพ่อของเขาได้ทางโทรศัพท์ แจ็คมีเวลาที่จะเตือนลูกเพียงข้อเดียวเท่านั้น : จงอยู่แต่ในอาคารไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ในขณะที่การอพยพประชากรครั้งใหญ่เพื่อมุ่งหน้าลงใต้เริ่มขึ้นนั้น แจ็คก็เดินทางขึ้นเหนือสู่นิวยอร์ค ซิตี้ เพื่อช่วยแซม แต่แม้แต่แจ็คก็ไม่ได้เตรียมตัวที่จะเผชิญกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง กับลูกชายของเขา และกับโลกของเขา

นักแสดง
เดนนิส เควด ...แจ็ค ฮอลล์
เจค จิลเลนฮาล ...แซม
เอ็มมี่ รอสซั่ม ...ลอร่า
เอียน โฮล์ม ...เทอรี่ แร็พสัน
เซล่า วอร์ด ...ดร. ลูซี่ ฮอลล์
การกำกับ
ผลงานจาก ผู้กำกับ โรแลนด์ เอ็มเมอริค
-large-picture-(5).jpg)
ภาพยนตร์เรื่อง The Day After Tomorrow วิกฤติวันสิ้นโลก เป็นภาพยนตร์แนวภัยพิบัติ เกี่ยวกับหายนะทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับโลกของเราโดยเนื้อเรื่องที่นำมาเสนอนั้นเป็นเรื่องราวใกล้ตัวเรามากที่สุดนั้นก็คือภาวะโลกร้อนที่จะทำให้โลกของเรากลับกลายไปสู่ยุคน้ำแข็ง โดยมีการนำหลักวิทยาศาสตร์เข้ามาอธิบายในภาพยนตร์ และยังเป็นภาพยนตร์ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงของวันสิ้นโลกได้อย่างดี สำหรับคนที่ยังไม่เคยดูไม่ควรพลาดนะครับ
-large-picture-(3).jpg)
-large-picture-(2).jpg)
สำหรับภาพรวมของภาพยนตร์เรื่อง The Day After Tomorrow วิกฤติวันสิ้นโลก มีการดำเนินเรื่องราวน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบ การปูเรื่องถึงปัญหาที่โลกกำลังเจอ จนถึงขั้นร้ายแรง เป็นภาพยนตร์ที่มีครบทุกรส ไม่ว่าจะเป็น ความรักเสียสละ ความห่วงใยในครอบครัว และทำให้เราลุ้นระทึกตามๆไป ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอปัญหาภาวะโลกร้อนซึ่งมันดูเป็นปัญหาที่ไกลตัวเรา และไม่เคยคิดว่าปัญหาภาวะโลกร้อนจะร้ายแรงหรือมีผลกระทบกับตัวเรามากเท่าไหร่ แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เราตรดะหนักและกลับมามองถึงปัญหาภาวะโลกร้อนว่ามันเป็นปัญหาที่คุณไม่ควรมองข้ามเพราะมันไม่ใช่ปัญหาไกลตัวคุณเลย
-large-picture.jpg)

สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูแล้วทำให้เรารู้สึกอินไปกับมันนั้นก็คือการทำภาพ CG ในฉากต่างๆในภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นฉากพายุลูกเห็บ ฉากพายุทอร์นาโดถล่มเมือง ฉากเมืองที่ถูกน้ำท่วม และฉากสุดท้ายเมืองที่เต็มไปด้วยหิมะปกคลุมจนกลายเป็นน้ำแข็ง เป็นฉากที่ดูสมจริงมาก ทั้งๆที่เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นเมื่อ 10 ปีก่อน แต่ถือว่าทำภาพออกมาได้ยอดเยี่ยมและเป็นภาพยนตร์ภัยพิบัตที่สมบูรณ์แบบ ดูเพียงเรื่องเดียวแต่คุณจะรู้สึกเต็มอิ่มไปกับหายนะทางธรรมชาติที่เกิดกับโลกของเรา และมันคุ้มค่ามากกับเวลา 2 ชมที่คุณจะชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนื้อเรื่องตลอดจนภาพที่นำเสนอ

ทิ้งท้ายไว้หน่อย
หากเราไม่ดูแลธรรมชาตินับแต่วันนี้ วันมะรืนนี้ก็คงไม่มีอีกต่อไป
= นัวฟิล์ม =