บริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ ประกาศความสำเร็จในการก้าวขึ้นเป็น สตูดิโอภาพยนตร์ฮอลลีวูดอันดับ 1 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำปี 2025 หลังจากสร้างผลงานสั่นสะเทือนบ็อกซ์ออฟฟิศตลอดทั้งปี โดยมี "Lilo & Stitch ลีโลแอนด์สติทช์", "Zootopia 2 นครสัตว์มหาสนุก 2" และ "The Fantastic Four: First Steps เดอะ แฟนแทสติก 4: จุดเริ่มต้นปฐมบทใหม่" เป็นภาพยนตร์เรือธงที่ทำผลงานสูงสุดในประเทศไทย ก่อนการมาถึงของ "Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน" ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจะสร้างปรากฏารณ์ใหม่ เป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่เปิดตัวสูงสุดของปี 2025 ในประเทศไทย ด้วยรายได้เปิดตัว 150 ล้านบาท และยังเดินหน้ากวาดรายได้อย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่ 200 ล้านบาท

 

 

ขณะที่ในระดับโลก บริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ สร้างปรากฏการณ์ที่ยังไม่เคยมีสตูดิโอใดทำมาได้มาก่อน ด้วยสถิติสุดยิ่งใหญ่ ทำรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศรวมทะลุ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 ซึ่งนับเป็นสตูดิโอแรกและสตูดิโอเดียวของปีนี้ที่สามารถทำได้ และยังเป็นสตูดิโอเดียวที่ทำสถิตินี้ติดต่อกันสองปีซ้อน โดยความสำเร็จนี้นับเป็นครั้งที่สามที่ดิสนีย์ทำรายได้ทะลุ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นับจากครั้งแรกตั้งแต่ปี 2018 ซึ่งไม่มีสตูดิโออื่นใดสามารถทำได้ในช่วงเวลาเดียวกัน ทั้งนี้แรงขับเคลื่อนสำคัญของความสำเร็จในปีนี้มาจากการที่ "Zootopia 2 นครสัตว์มหาสนุก 2" สร้างสถิติเปิดตัวทั่วโลกสูงสุดของปี 2025 ซึ่งเป็นการเปิดตัวสูงสุดเป็นอันดับ 4 ของโลกตลอดกาล และยังเป็นการเปิดตัวทั่วโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของภาพยนตร์แอนิเมชันในประวัติศาสตร์ของดิสนีย์ นอกจากนี้ยังเป็นภาพยนตร์จาก Walt Disney Animation Studios ที่ทำรายได้สูงสุดเป็นอันดับ 2 ตลอดกาลในประเทศไทยอีกด้วย

 

Rachel Fong, Executive Director & Studio General Manager บริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวถึงความสำเร็จนี้ว่า "การที่ดิสนีย์ก้าวขึ้นเป็นสตูดิโอฮอลลีวูดอันดับ 1 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า พลังของเรื่องราวจากดิสนีย์สามารถเข้าถึงผู้ชมได้อย่างแท้จริง ความผูกพันอันยาวนานกับแฟน ๆ ในประเทศไทยมีรากฐานมาจากการเล่าเรื่องที่เปี่ยมคุณภาพผ่านแบรนด์และแฟรนไชส์ต่าง ๆ ของเรา ซึ่งถ่ายทอดสารที่เข้าถึงผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นพลังของชุมชนใน Zootopia 2 และ Thunderbolts* หรือความสำคัญของครอบครัวใน Lilo & Stitch และ The Fantastic Four: First Steps นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้ผู้ชมอินกับภาพยนตร์มากยิ่งขึ้น คือการขยายประสบการณ์จากจอภาพยนตร์ไปสู่โลกจริง ผ่านแคมเปญการตลาดที่ปรับให้เข้ากับประเทศต่าง ๆ และเวอร์ชันพากย์เสียงที่ช่วยให้แฟน ๆ ดื่มด่ำกับเรื่องราวของเราได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม"

 

 

และในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา "Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน" ก็ตอกย้ำให้เห็นถึงความสำเร็จของแคมเปญการตลาดที่ปรับให้เข้ากับคนไทยรวมถึงวัฒนธรรมไทย ด้วยการสร้างสถิติเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่เปิดตัวสูงสุดของปี 2025 ในประเทศไทย ทำรายได้เปิดตัวสูงถึง 150 ล้านบาท ต่อยอดความเป็นผู้นำในบ็อกซ์ออฟฟิศของ บริษัท เดอะ วอลท์ ดิสนีย์ ได้อย่างงดงาม

 

                                                                                  

 

แคมเปญการตลาดในประเทศไทยมุ่งยกระดับ "Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน" ให้เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปีที่พลาดไม่ได้ ปลุกกระแสให้ผู้ชมคาดหวังและกระตุ้นให้อยากไปชมภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์มากขึ้น โดยเริ่มด้วยการพา โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี Miss World 2025 ไปปรากฏตัวในงาน World Premiere ที่ลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และร่วมพบปะพูดคุยกับนักแสดง อาทิ Sigourney Weaver, Zoë Saldaña รวมถึงผู้กำกับ James Cameron พร้อมเชื่อมโยงความเป็นไทยเข้ากับความยิ่งใหญ่ระดับโลกของ Avatar ตั้งแต่ชุดเดินพรมแดงที่ออกแบบสร้างสรรค์จากวัสดุรีไซเคิลโดยแบรนด์แฟชั่นไทยชื่อดัง PIPATCHARA ไปจนถึงของที่ระลึกที่มอบให้นักแสดงและทีมผู้สร้าง ซึ่งเป็นผลงานโปสเตอร์แฟนอาร์ตสไตล์ไทยจาก SMASHHH STUDIO จนสร้างกระแสบนโซเชียลมีเดียได้อย่างถล่มทลาย

 

จากนั้นยังจุดความร้อนแรงอย่างต่อเนื่องด้วยแคมเปญสื่อ Out-Of-Home โดยร่วมกับ IMAX ออกแบบสัญลักษณ์ตัวอักษร "A" ที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิง พาตัวร้ายจากเผ่าธุลี "วารัง" บุกไปแผดเผาบิลบอร์ดและป้ายโฆษณาตามจุดไฮไลต์ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ และสร้างประวัติศาสตร์เป็นครั้งแรกในประเทศไทยกับการ Takeover โลโก้ IMAX ณ โรงภาพยนตร์ ICON CINECONIC ไอคอนสยาม

 

 

นอกจากนี้เพื่อสร้างประสบการณ์พิเศษยิ่งกว่าที่เคยมีมา "Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน" ได้จัดรอบ Premiere ในประเทศไทยถึงสองครั้ง เริ่มจากงาน Thailand Exclusive Premiere ซึ่งสร้างกระแสปากต่อปากจนติดเทรนด์ X ทั่วประเทศ และงาน Thailand Gala Premiere พร้อมเปิดตัว "Avatar: Fire and Ash Immersive Experience" นิทรรศที่เปิดโอกาสให้แฟนภาพยนตร์ได้ดำดิ่งสู่ดาวแพนดอร่าแบบเสมือนจริง ณ Paragon Cineplex สยามพารากอน ซึ่งนับเป็นการตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของ "Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน" ในฐานะภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ส่งท้ายปี 2025 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ทั้งนี้ Avatar นับเป็นแฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่สร้างความสำเร็จระดับปรากฏการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดย Avatar และ Avatar: The Way of Water ต่างติดอันดับ 10 ภาพยนตร์จาก MPA ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลใน อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย และเวียดนาม ขณะที่ในสิงคโปร์ ภาพยนตร์ทั้งสองภาคต่างครองอันดับหนึ่งบ็อกซ์ออฟฟิศในปีที่เข้าฉาย (2009 และ 2022) และ Avatar: The Way of Water ยังเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้ IMAX สูงสุดตลอดกาลในประเทศไทยและอินโดนีเซียอีกด้วย

 

"Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน" ภาคต่อภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดตลอดกาล เข้าฉายแล้วในโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา โดย เจมส์ คาเมรอน พาผู้ชมกลับสู่โลกแพนดอราอีกครั้ง ในศึกใหญ่และการผจญภัยสุดตื่นเต้นครั้งใหม่ของอดีตนาวิกโยธินที่ผันตัวมาเป็นผู้นำชาวนาวี Jake Sully (Sam Worthington) พร้อมด้วย นักรบนาวี Neytiri (Zoe Saldaña) และครอบครัว Sully จากผลงานการเขียนบทภาพยนตร์โดย James Cameron, Rick Jaffa, Amanda Silver เรื่องราวโดย James Cameron, Rick Jaffa, Amanda Silver, Josh Friedman, Shane Salerno พร้อมทีมนักแสดงฝีมือดีคับคั่งทั้ง Sigourney Weaver, Stephen Lang, Oona Chaplin, Cliff Curtis, Joel David Moore, CCH Pounder, Edie Falco, David Thewlis, Jemaine Clement, Giovanni Ribisi, Britain Dalton, Jamie Flatters, Trinity Jo-Li Bliss, Jack Champion, Brendan Cowell, Bailey Bass, Filip Geljo, Duane Evans, Jr. และ Kate Winslet

 

ร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดยิ่งใหญ่ของ "Avatar: Fire and Ash อวตาร: อัคนีและธุลีดิน" ได้แล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์ ทั้งในระบบปกติ IMAX, Dolby Vision และ Atmos และระบบพิเศษทั่วประเทศ