
![]()
สวัสดีครับ เพื่อนที่รัก นักเสพความเอนเตอร์เทนเม้นท์ ผ่านสื่อ อินเตอร์เน็ท กลับมาพบกันอีกครั้งนะครับ เมื่อมีภาพยนตร์เก่าที่น่าสนใจนำมารีวิวกันใหม่ “ นัวฟิล์ม ” ก็จะนำมาวิจารณ์ให้ เหล่าเพื่อน ๆ ในหนังดีดอทคอมได้อ่านกันนะครับ
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผม ได้ รีวิวเรื่อง "Always Sunset on the third street"
ถนนสายนี้ หัวใจไม่เคยลืม ภาค 1 มาให้เพื่อนๆชาวหนังดีได้อ่านกัน มาถึงในสัปดาห์นี้ผมขอต่อยอดความประทับใจ และความซาบซึงใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ จากสัปดาห์ที่แล้ว นะครับ
สำหรับภาพยนตร์เรื่อง "Always Sunset on the third street" ถนนสายนี้ หัวใจไม่เคยลืม ภาค 2 กลับมาสร้างความประทับใจให้ท่านผู้ชมอย่างประเทศไทยไม่น้อยเลยทีเดียว ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายาในประเทศไทย เมื่อ ปี 2005 โดยสร้างรายได้ถึง 4.74 ล้านเหรีญสหรัฐ ภาพยนตร์ Always Sunset on the third street 2 ยังคงได้เล่าถึงชีวิตผู้คนในกรุ่งโตเกียวในถนนสายที่ 3 ซาบซึ่งกินใจไม่แพ้ภาค 1 เลยทีเดียวครับ เราไปรับชมความสุข บนถนนสายที่ 3 ณ กรุ่งโตเกียวพร้อมๆกันเลยครับ
![]()
ตัวภาพยนตร์
สำหรับภาพยนตร์ เรื่อง "Always Sunset on the third street" ถนนสายนี้ หัวใจไม่เคยลืม ภาค 2 กลับมาสร้างความประทับใจไม่แพ้ในภาคแรกเลยครับ ตัวภาพยนตร์ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากภาคแรกครับ ภาคนี้ทำให้ผมได้คิดว่า "เมื่อยุคสมัยของคนเราเปลี่ยนไป ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเราก็คงเปลี่ยนไปเฉกเช่นเดียวกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไป ก็คือ ความรัก ความผูกพันธ์ เพราะเงินมหาศาลก็ไม่สามารถซื้อสิ่งเหล่านี้ได้เพราะสิ่งเหล่านี้จะได้มาจาก ความรัก เท่านั้น.."
ภาคนี้เราจะเห็นความแข้มแข็งจากจิตใจของ นักประพันธ์ตกยาก จะงะวะ รีวโนะสุเกะ การที่จะลุกขึ้นสู้กับสิ่งที่ตัวเองรัก และ สาวน้อย ไอรุ ชิเงะโมะโตะ สาวน้อยผู้สูญเสียแม่ตั้งแต่ยังเด็ก และกิจการของพ่อตัวเองล้มละลาย
บทบาทภาพยนตร์
ภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นเนื้อเรื่องต่อจาก ภาพยตร์ Always Sunset on the third street ภาคที่ 1 ได้เล่าถึงชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนบทถนน สายที่ 3 ใน กรุงโตเกียว โดยการเล่าถึง ชีวิตของผู้คนที่ต่อจากภาคแรก หากที่ใครยังไม่ได้ได้ดูภาคแรก ผมแนะนำให้ไปดูก่อนนะครับเพราะว่าเนื้อเรื่องต่อกันเลยครับ ถ้าไม่ได้ภาคที่ 1 จะไม่ซาบซึ่งกินใจถึงที่สุดนะครับ สำหรับบทบาทภาพยนตร์ในภาคนี้ ผมคิดว่า บทบาทของแต่ละตัวละคร ชัดเจนและหนักแน่นมากขึ้น และ ภาคนี้ยังได้เล่าถึงชีวิตเบื้องหลังของแต่ละคนว่า มีประสบณ์การอะไรที่เลวร้ายเกิดขึ้นมาบ้าง ในความคิดส่วนตัวผมแล้ว ผมชอบฉากที่เล่าถึงความรักเก่าของ "โทะโมะเอะ ซุซุกิ " แม่ของ อิปเป ซุซุกิ ฉากที่ โทะโมะเอะ ซุซุกิ ฉากนี้ดูแล้วอมยิ้มแบบมีความสุขจริงๆทำให้ผมคิดได้ว่า "ความรักแม้จะผ่านไปนานเท่าไหร่ ความรักก็ยังไม่จากไปไหน มันยังอยู่ที่เดิม ที่ตรงนี้ที่เราเคยเจอกัน "
![]()
การกำกับ
สำหรับการกำกับนั้น ผมต้องยอมรับเลยว่า สุโก้ย ! ให้กับ "ทะกะชิ ยะมะซะกิ " ภาคนี้ผู้กำกับคนนี้เรียกเอาน้ำตา ความประทับใจให้กับคนดูอย่างผมดูแล้ว น้ำตาแหล่งความสุขไหลออกมาเลยทีเดียวครับ ประทับใจมากเลยทีเดียวครับ ถือว่าเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีคุณภาพของญี่ปุ่นอีกคนหนึ่งที่เก่งเพราะเขา ได้เล่าเรื่องจากหนังสือออกมาแล้วสร้างความประทับใจให้กับคนดูในรูปแบบของ ภาพยนตร์นี้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยครับ ประทับใจมากๆครับ เพราะฉากบางฉากไม่นึกถึงเลยว่าจะทำให้อารมณ์ออกมาดีขนาดนี้
การถ่ายภาพ
การฉายภาพของเรื่องนี้ ถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆครับ ทำให้เหมือนเราอยู่ในยุคของสมัยนั้นจริงๆครับ
ดารา
นักแสดงในภาคนี้ ยังใช้ ดาราคนเดียวกันกับภาคแรก หมดเลยครับและมีนักแสดงมาเพิ่มอีกหลายท่านเลยทีเดียวครับ แต่ยังมีเด็กสาวน้อยที่รับบทเป็น ฮิโรมิ เป็นนักแสดงเด็กอีกคนที่มีฝือมือการแสดงที่เก่งใช้ได้เลยครับ บทบาทของ ฮิโรมิ เรียกความประทับใจให้กับคนดูไม่น้อยเลยทีเดียวครับ
![]()
สเปเชี่ยลเอฟเฟ็ค
ภาคนี้ เราจะได้เห็น การถ่ายทำโดยใช้แบบจำลองรถไฟและหัวรถจักรรุ่นซี 62 อลังการมากเลยทีเดียวกับ รวมถึงรถยนต์รุ่นเก่าที่แล่นอยู่บนถนน เหมือนจริงมากๆครับ แถมยังน่ารักอีกด้วยครับ
ภาพรวม
โดยรวมแล้วภาพยนตร์เรื่องนี้ เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจให้กับคนทุก มากเลยทีเดียว ในภาคนี้ได้สอน ให้ ทัศคติในการมองโลกที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยใช้ความรัก ความผูกพันธ์ มาทำให้รู้ว่า ยุค สมัย หรือว่าโลกกำลังเปลี่ยนไปมากเพียงไร ความรัก และความผูกพันธ์ ก็ไม่สามารถเปลี่ยนไปตาม ยุคสมัยได้ ครับ
ความคุ้มค่า
เรื่องนี้ผมขอให้ 9 เต็ม 10 ครับ
![]()
สุดท้ายครับ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ มีข้อคิดดีๆเยอะเลยครับเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยจริงๆครับ ดูแล้วทำให้ย้อนคิดถึง คำที่ว่า "ปัจจุบันความสุขของมนุษย์คือการที่มีเงินมหาศาล หรือ ความสุขของมนุษย์ที่แท้จริงคือความรัก จึงทำให้คนเราในสมัยที่โลกกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วมองเห็น วัตถุคือความสุข และความทุกข์คือการมองไม่เห็น วัตถุนั้น ต่างจากสิ่งที่มองไม่เห็นทำให้มีความสุขได้ นั้นก็คือ ความรัก หากเราใช้ใจเรามองสิ่งเหล่านั้นก็มีความสุขได้ครับ " และคุณละครับ ความสุขที่แท้จริงคืออะไร ครับ ผมขอทิ้งจากข้อคิดดีๆจากหนังเรื่องนี้นะครับ
"การมีชีวิตอยู่ตัวคนเดียว เราอาจพบว่าโลกใบนั้นมันก็พออยู่พอถูไถไปแต่ละวันได้ แต่ เมื่อเราได้พบใครบางคนที่มาเติมเต็มให้โลกของเรานั้นน่าอยู่กว่าที่เคยมีมา เราก็จะได้รู้ว่า การมีใครอีกคนเข้ามาอยู่ในชีวิตนั้นมันทำให้วันแต่ละวันสวยงามขึ้นได้อย่าง ไร นั่นคือสิ่งที่ทุกคนในถนนสายนี้ได้เรียนรู้ การได้อยู่ร่วมกัน การได้เติมเต็มความหมายของชีวิตให้แก่กันและกัน จากจุดเริ่มต้นหนึ่งคนจนกลายเป็นครอบครัวที่อบอุ่น "
แล้วคราวหน้า "นัวฟิล์ม" จำนำเอาภาพยนตร์เก่าๆ มารีวิว มาเล่าให้ฟังนะครับ ขอบคุณที่ติดตาม อ่าานนะครับ เข้ามาอ่านแล้ว โพสท์เข้ามา บอกความคิดเห็นกันบ้างนะครับ ว่า ชอบ หรือไม่ชอบ อย่างไร หรือ อยากให้ วิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอะไร ก็บอกกันนะครับ สวัสดีครับ