1. สกิลการตะกายกำแพงของฮอลแลนด์นั้นมีจำกัด

เราอาจเคยเห็นทอม ฮอลล์แลนด์เต้นอย่างบ้าคลั่ง แถมด้วยกระโดดตีลังกามาแล้วใน ลิปซิงค์แบทเทิล* ในฐานะนักเต้นที่ได้รับการเทรนด์มาอย่างดี ซึ่งนั่นคือสกิลที่เขาสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในบทบาทของสไปเดอร์แมนได้มากทีเดียว

“เราสามารถทำอะไรได้มากขึ้นเยอะในบทปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ เมื่อเทียบกับสิ่งที่สามารถทำได้ในอดีต” เขาชี้ แต่ในขณะเดียวกัน จอน วัตตส์ ผู้กำกับหนังเรื่องนี้ก็มักจะประเมินความสามารถเขาเจ้าตัวไว้ซะเว่อร์เกินจริงกับบทที่น่าจะต้องใช้สตั๊นท์ “จอนเค้าจะแบบ ‘นายแค่วิ่งไต่กำแพงขึ้นไป แล้วกระโดดตีลังกากลับหลังลงมาบนเบาะรองตรงนั้น” แล้วผมก็จะตอบ “ไม่ได้ฮะจอน ผมทำไม่ได้อะ ผมไม่เทพขนาดนั้น!”  ถึงอย่างนั้น ทอมก็ยังตั้งความหวังไว้ค่อนข้างมาก เขาหวังว่าสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นของเขาจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กรุ่นต่อไปที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ “ผมบอกตัวเองเสมอในตอนที่รับช่วงต่อบทนี้มา สไปเดอร์แมนของโทบีย์ แมกไกวร์ สร้างอิมแพคให้ผมในตอนเด็กได้อย่างมหาศาลจริงๆ” นักแสดงหนุ่มวัย 21 ปี ซึ่ง ณ ตอนที่สไปเดอร์แมนในเวอร์ชั่นของ แซม ไรมี่ ออกฉายในปี 2002 นั้น ทอมเพิ่งจะอายุเพียง 6 ขวบ “เขาเป็นเหมือนต้นแบบของผมเลยนะ ผมบอกตัวเองเสมอ ว่าผมอยากจะสร้างอิมแพคแรงๆ ให้กับเด็กรุ่นต่อไป ผมอยากทำให้พวกเขาภูมิใจครับ”

2. โรเบิร์ต ดาวน์นี่ จูเนียร์ จะเป็นไอรอนแมนต่อไป ตราบเท่าที่มาร์เวลยังยอมให้เขาเป็นอยู่ 

หลังจากเล่นมุกแบบหน้าตายว่าป๋าอยู่ในระหว่าง “กึ่งๆ จะเกษียณ” นั้น นับตั้งแต่ไอรอนแมนภาคแรกถูกปล่อยตัวออกมา (นับเป็นต้นกำเนิดของจักรวาลมาร์เวล) ก็ผ่านมา 9 ปีแล้ว โรเบิร์ต ดาวน์นี่ จูเนียร์ ก็แสดงความรู้สึกที่เขามีต่อหนังเรื่องนี้อย่างจริงจังว่ายังอยากจะป้วนเปี้ยนอยู่ใน MCU นี่แหละ

“สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต คือมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น แล้วคุณก็เริ่มหลงตัวเอง” เขากล่าว “คุณจะคิดว่า ‘พระเจ้า! ฉันทำทุกสิ่งนี่ แล้วก็ได้ผลออกมาอย่างที่หวัง!’ จากนั้นเมื่อหลายๆอย่างเกิดขึ้น คุณจะกลับไป “‘เออ ก็ดีนะที่ได้บทนี้’” 
นักแสดงรุ่นเก๋าคนนี้รู้สึกดีใจเป็นพิเศษเมื่อได้รับบทให้แสดงในหนังเปิดตัวสไปเดอร์แมนแห่งจักรวาลหนังมาร์เวล “อาจต้องใช้ปาฏิหาริย์ทั้งหมดที่มีเพื่อมานั่งอยู่ตรงนี้ ซึ่งผลมันออกมาดีมาก ผมดูแล้ว จริงๆ นะ ผมรักมันเลยล่ะ’”

3.  ไมเคิล คีตันรู้สึกดีกับการเป็นคนเลว

สัมผัสประสบการณ์เป็นฮีโร่สายดาร์คกับเรื่อง Dark Knight ของ ทิม เบอร์ตัน สองภาคไปแล้ว ดาวรุ่งผู้เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์จากเรื่อง Birdman นั้นรู้สึกเอ็นจอยสุดๆ กับคิวบู๊ใน โฮม คัมมิ่ง กับบทบาท เอเดรียน ทูมส์ หรือเดอะ วัลเจอร์ 

“ผมคิดว่านักแสดงชอบเล่นบทร้ายๆ กันนะ มันแปลก แต่ก็มีแนวโน้มว่า ยิ่งคุณศึกษาเรื่องของตัวร้ายมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ” คีตันรู้สึกปลื้มปริ่มเป็นพิเศษกับความจริงที่ว่า ทูมส์ในบทนั้นเป็นตัวร้ายที่มีความสมจริง ถึงแม้จะมีปีกและบินได้ก็ตาม “ผมว่า เป็นทิศทางที่น่าสนใจนะ” คีตันหัวเราะ “ทำให้ตัวละครนี้เข้าถึงได้อย่างถูกเวลา เขาเป็นคนที่บ่นอย่างจริงจัง และโต้เถียงอย่างมีเหตุผลน่ะ”

4.นี่คือการเติบโต

ด้วยความเคารพแด่โทบีย์ แมกไกวร์ และ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ นี่เป็นครั้งแรกที่สไปเดอร์แมนดูเป็นเด็กไฮสคูลจริงๆ  แล้วสิ่งที่นักแสดงคาดหวังจะได้รับจากวัยรุ่นที่ได้ดูหนัง “ฮีโร่วัยรุ่น” เรื่องนี้ล่ะ?  “ที่เราจะสื่อก็คือ คุณไม่จำเป็นต้องเท่ หรือทำตัวขี้โกงในโรงเรียน เพื่อจะเป็นตัวของตัวเอง” กล่าวโดยนักขโมยซีนตัวยง เจคอบ บาทาลอน ผู้รับบทเป็น เน็ด เพื่อนรักของปีเตอร์ และเป็นเด็กเนิร์ดบ้าวิทยาศาสตร์ “ตัวคุณจะเจ๋งที่สุด ก็เมื่อคุณเป็นตัวเอง” ลอร่า ฮาเรียร์ ผู้แสดงเป็น ลิซ สาวที่ปีเตอร์แอบชอบกล่าวเสริม 

“ไม่จำเป็นต้องขอโทษในสิ่งที่คุณเป็น ทุกคนในหนังเรื่องนี้แตกต่างกัน แต่ก็เป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง” มิเชล อาจจะเป็นตัวละครที่มีความสมจริงที่สุดในเรื่องนี้ รับบทโดยเซนดายา “มันโอเคที่คุณจะแปลกแยก” เธอกล่าวอย่างใส่ใจ “ถ้าคุณทำบางสิ่งที่อาจแปลกแยก และคนอื่นไม่สะดวกใจถ้าต้องทำ นั่นเจ๋งนะ ฉันชอบตอนที่มิเชลโพล่ง หรือพูดในสิ่งที่ทุกคนก็คิด แต่มิเชลก็แค่ไม่แคร์อะ”

5.ความแตกต่างไม่ควรจะต้องยากเย็น

โดยไม่ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่อะไร “โฮมคัมมิ่ง” นั้นแตกต่างจากหนังฮีโร่ส่วนมากที่สร้างกันในปัจจุบัน ด้วยตัวละครที่ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนไฮสคูลจากฉากโรงเรียนของปีเตอร์ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นนิวยอร์คในโลกแห่งความเป็นจริง 
“พูดกล่าวได้ว่า แรงบันดาลใจของผลคือชีวิตจริง” โปรดิวเซอร์ เอมี่ ปาสคาล กล่าวถึงเหล่านักแสดงที่เต็มไปด้วยวัยรุ่นที่แตกต่างกัน ไล่มาตั้งแต่ลูกครึ่ง ฟิลิปปินส์-อเมิริกันอย่าง บาทาลอน ไปจนถึงแฟลช ทอมสัน คู่ปรับของปีเตอร์คนใหม่ รับบทโดย โทนี่ เรโวโลรี่ จากเรื่อง The Grand Budapest Hotel ซึ่งมีสำเนียงกัวเตมาลา

“มันสุดยอด” เรโวโลรี่กล่าว “ความจริงคือมันไม่ได้มีป้ายบอกว่าทำไมผมถึงเป็นอย่างที่ผมเป็น ผมแค่เข้าไปอยู่ในหนัง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเชื้อชาตินะ ผมคิดว่า ตอนนี้ฮอลลีวู้ดกำลังต้องการความหลากหลายและแตกต่าง”

สำหรับสไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่งนี้ นับเป็นหนังรีบูทของสไปเดอร์แมนที่ได้กลับมาอยู่ในอ้อมกอดของมาร์เวลเป็นครั้งแรก โดย Homecoming นั้นแปลตรงๆได้ว่า งานคืนสู่เหย้า ซึ่งแฝงความหมายถึงการกลับไปในช่วงสมัยไฮสคูลของปีเตอร์ พาร์คเกอร์ ดังที่บอกว่าในภาคนี้จะเน้นเรื่องชีวิตในช่วงเวลาวัยรุ่น และถือเป็นการต้อนรับสไปดี้กลับสู่อ้อมอกดิสนีย์อีกด้วย