ข่าว > ข่าวสัพเพเหระทั้งหมด > Webmaster Talk

เปิด 5 ตำนานลึกลับจากเม็กซิโก ทั้งสะพรึง ทั้งสยอง เจอแบบนี้มีผวาจนนอนไม่หลับ!

19 เม.ย. 2562 22:43 น. | เปิดอ่าน 1428 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

อย่างที่รู้กันดีว่าแต่ละประเทศต่างก็มีเรื่องเล่า ตำนาน และความเชื่อแตกต่างกันไป แต่หากพูดถึงเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติ ต้องยอมรับเลยว่าประเทศเม็กซิโกนั้นมีแต่ตำนานพื้นบ้านสุดสยองที่เป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่วโลก หากใครชอบเรื่องสยองขวัญ ห้ามพลาด 5 ตำนานลึกลับจากเม็กซิโก ที่เราหยิบมาฝากกันเด็ดขาด! จะสะพรึ่ง จะสยองขนาดไหน และจะมีเรื่องอะไรบ้างตามไปดูกัน

 

เฟเดอริโก บุตรชายลำดับที่เจ็ด
(Federico The Seventh Son)

ย้อนกลับไปยังศตวรรษที่ 19 ในสลัมใกล้เมืองโทเลโด ประเทศเม็กซิโก มีเรื่องราวลึกลับเป็นที่โจทก์จันเกี่ยวกับเด็กหนุ่มชื่อ เฟเดอริโก บุตรชายลำดับที่เจ็ดของทายาทลำดับที่เจ็ดแห่งตระกูลหนึ่ง ที่ชาวบ้านลือกันว่าเขาเกิดมาพร้อมกับดวงตาวิเศษสามารถมองเห็นอนาคตได้ และมือวิเศษสามารถใช้รักษาโรคไข้ได้ทุกชนิด ตัวจริงเฟเดอริโกเป็นเด็กพูดไม่เก่งและขี้อาย เลยถูกเด็กวัยเดียวกันกลั่นแกล้งอยู่เสมอ แต่ก็ได้ผู้ใหญ่ในหมู่บ้านคอยห้ามปราม เพราะคิดว่าเขาคือปีศาจร้ายไม่ควรเข้าไปข้องเกี่ยวด้วยเด็ดขาด แม้เฟเดอริโกจะไม่เคยแสดงพลังวิเศษอย่างที่ว่าไว้ให้ใครเห็นสักครั้ง แต่ทุกคนกลับหวาดกลัวเขาขึ้นเรื่อย ๆ ร้ายแรงขนาดวางแผนจับตัวเขาไปสังหารทิ้งโดยอ้างว่าเป็นการปกป้องหมู่บ้านให้ปลอดภัยจากศาสตร์ชั่ว

 

ชาวบ้านพาเฟเดอริโกไปยังป่าร้างแห่งหนึ่ง จับแก้ผ้าแล้วมัดมือ มัดเท้าอย่างทารุณ พร้อมยกตัวขึ้นไปแขวนให้หัวห้อยลงมาเผชิญหน้ากับหม้อต้มขนาดใหญ่ ที่มีน้ำมันร้อน ๆ เดือดปะทุอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาค่อย ๆ ปล่อยเชือกให้ผิวของเฟเดอริโกสัมผัสกับความร้อน โดยไม่สนเลยว่าเด็กหนุ่มตัวเล็ก ๆ จะกรีดร้องอย่างทรมานแค่ไหน ไม่สนเลยว่าดวงตาทั้งสองของเขาจะถลนออกมาเมื่อไหร่ และไม่สนเลยว่าเขามีแผลพุพองเต็มร่างกายมากมายนับไม่ถ้วน.. เมื่อเฟเดอริโกสิ้นลม ชาวบ้านยัดกระดูกและเศษซากเนื้อของเขาลงในถังไม้แล้วโยนทิ้งลงแม่น้ำ ก่อนกลับบ้านนอนหลับอย่างสบายใจเพราะทำภารกิจสำเร็จดั่งหวัง

 

เช้าวันรุ่งขึ้น ชาวบ้านเดินทางไปเข้าพบผู้เฒ่าประจำหมู่บ้าน แต่กลับพบชายชรานอนตายในสภาพสยดสยองอย่างที่สุด ร่างของเขานอนราบอยู่บนพื้นบ้านโดยมีดวงตาทั้งสองข้างวางอยู่บนหน้าอก ศีรษะถูกตีเละเทะ กระโหลกแหลกละเอียดไม่เหลือเค้าเดิมเลยแม้แต่น้อย ส่วนแขนและขาเองก็ถูกตัดทิ้งไม่เหลือชิ้นดีเช่นเดียวกัน ชาวบ้านกรีดร้องด้วยความตกใจก่อนเหลือบไปเห็นข้อความ ที่ถูกเขียนทิ้งไว้ด้วยเลือดบนพื้นข้าง ๆ ศพว่า “เมื่อใดที่เลือดบริสุทธิ์ไหลหลั่ง เมื่อนั้นผู้มีมลทินต้องชดใช้อย่างสาสม”

 

หลังจากนั้นชาวบ้านที่ร่วมในพิธีฆาตกรรมเฟเดอริโกก็ล้มตายกันไปทีละคนสองคน ในสภาพศพที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไรนัก จนกระทั่งศพของชาวบ้านผู้ร่วมพิธีถูกค้นพบ ข้อความสีเลือกพลันปรากฏขึ้นอีกครั้งว่า “ครานี้ข้าได้ชำระแค้นสมดั่งใจ และผู้มีมลทินก็ได้จ่ายหนี้ชีวิตแล้วเช่นกัน”

 

เอล คูคูย ปีศาจนักล่าเด็ก
(El Cucuy / The Boogeyman)

เอล คูคูย คือสัตว์ประหลาดหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว ขนดก มีสีตาแดงฉานเหมือนเลือดสด มีหูใหญ่แหลมเหมือนค้างคาว และมีเขี้ยวฟันแหลมคมเหมือนฉลาม มันจะหลบซ่อนอยู่ตามตู้ ใต้เตียง แฝงอยู่ในความมืดมิด รอคอยเวลาตะครุบเหยื่อแล้วลากไปยังถ้ำลับ ที่มันใช้กลืนกินมื้ออาหารอันโอชะของมัน ตำนานของเอล คูคูย นับเป็นฝันร้ายของเด็กเม็กซิกันหลายคนก็ว่าได้ เพราะหลาย ๆ ครอบครัวใช้มันตักเตือนลูก ๆ เวลาดื้อและซนว่า ถ้าไม่ทำตัวเป็นเด็กดี เอล คูคูยจะมาจับตัวลูกไป..

 

“ฉันเกิดและเติบโตในประเทศเม็กซิโก แม่ของฉันชอบเล่าเรื่องผีให้ฟังตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ไม่มีเรื่องไหนที่ทำฉันขนลุกและกลัวมากที่สุดเหมือนกับ เอล คูคูย วันหนึ่งฉันทะเลาะกับแม่แล้วเผลอด่าท่านด้วยคำหยาบ แทนที่แม่ของฉันจะโกรธหรือเสียใจ เธอกลับพูดขึ้นมาว่า ‘เอล คูคูย จะไปข่วนเท้าของแกคืนนี้’ เพราะอะไรไม่รู้ จู่ ๆ ฉันก็ขนหัวลุกขึ้นมา ในคืนนั้นฉันกลัวจนต้องพลิกตัวไปมามากกว่าสองชั่วโมงถึงจะนอนหลับ พอตื่นขึ้นมาฉันก็กรี๊ดลั่นทันที เพราะขยับแค่นิดเดียวแต่รู้สึกเจ็บเท้าระบมไปหมด พอก้มลงไปดูก็พบว่ามีรอยข่วนสีแดงก่ำอยู่บนเท้าของฉันจริง ๆ บอกเลยว่าฉันรู้สึกกลัวไปหมด ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าเอล คูคูยมีอยู่จริง แต่แม่คงไม่เสียสติขนาดแอลย่องเข้ามาข่วนเท้าฉันแรงขนาดนั้นหรอก..”

 

ลา มาลาโอรา ปีศาจร้ายประจำสี่แยก
(La Mala Hora / The Evil One)

ลา มาลาโอรา คือปีศาจร้ายที่ชอบปรากฏตัวในลักษณะกลุ่มก้อนสีดำมืด เดินวนเวียนบริเวณสี่แยกตามชนบทหลังเที่ยงคืนจนรุ่งสาง  เพื่อหลอกหลอนผู้คนที่ขับรถผ่านมาคนเดียวในเวลานั้น หากใครบังเอิญขับมาแล้วมองเห็นมัน มันจะกระโจนเข้าใส่แล้วสะกดจิตทันที และเมื่อเหยื่ออยู่ในภวังค์ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ แน่นอนว่ารถที่ขับอยู่ต้องเสียหลักแล้วพุ่งชนจนถึงแก่ชีวิต ในเวลาอื่น ๆ ลา มาลาโอรา จะปรากฏตัวในร่างของหญิงชุดดำ ผมยาวยุ่งเหยิง หน้าตาชั่วร้าย ลอยตัวอยู่เหนือพื้นดิน ชาวเม็กซิกันบอกว่า น้อยคนนักที่จะได้เห็นลา มาลาโอราในร่างหญิงสาว แต่หากคุณมีโอกาสได้เห็น นั่นหมายความว่าเธอคือลางร้ายที่มาบอกว่า เร็ว ๆ นี้ไม่คุณก็คนที่คุณรู้จักกำลังจะเสียชีวิต..

 

หากถามไถ่ชาวเม็กซิกันเกี่ยวกับ ลา มาลาโอรา หลายคนจะไม่พูดถึงเด็ดขาดเพื่อหลีกเลี่ยงกาลกิณีสิ่งชั่วร้ายเข้าตัว แต่มีเรื่องราวหนึ่งที่เล่าขานกันหนาหูว่า “หญิงสาวคนหนึ่งตั้งใจไปนอนค้างบ้านของเพื่อนที่เมืองซานตาเฟ่ เพราะสามีเดินทางไปทำงานไกลและเธอไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว หญิงสาวขับรถออกจากบ้านคนเดียวหลังเที่ยงคืนท่ามกลางถนนอันมืดมิด ทุกอย่างดูเป็นปกติดีแต่เมื่อขับมาถึงสี่แยกแห่งหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีกลุ่มก้อนสีดำมืดยืนขวางทางจนหญิงสาวต้องรีบเหยียบเบรกรถมืดเท้า บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัดและวังเวงขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก้อนสีดำนั้นไปหายไปแล้ว หญิงสาวถอนหายใจอย่างโล่งอกเตรียมออกรถเดินทางต่อ แต่พอหันไปมองกระจกข้างเธอต้องกรี๊ดจนสุดเสียง เพราะมีหญิงหน้าตาประหลาดราวกับซาตานชั่วยืนอยู่ตรงนั้น! มันส่งเสียงร้องแล้วข่วนกระจกอย่างบ้าคลั่ง ไม่รอช้าหญิงสาวรีบเหยียบคั่นเร่งหนีออกมาจากตรงนั้นให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ปีศาจชั่วกลับวิ่งตามด้วยความเร็วที่สูสีกับรถยนต์ มันทั้งทุบทั้งข่วนหวังจะทำลายกระจกให้แตก โชคดีที่หญิงสาวเร่งความเร็วจนสลัดมันหลุดไปได้ในคืนนั้น แต่โชคร้ายที่วันรุ่งขึ้นเธอได้รู้ข่าวน่าสลดว่าสามีของเธอ ถูกฆ่าชิงทรัพย์ระหว่างเดินทางกลับบ้านในคืนเดียวกัน..”

 

เลชูซา นกฮูกแม่มด
(Lechuza / The Owl Witch)

เลชูซา คือแม่มดที่สามารถแปลงร่างเป็นนกฮูกขนาดยักษ์เท่ามนุษย์ได้ในตอนกลางคืน บ้างก็ปรากฏกายในร่างของหญิงชราที่มีหัวเป็นนกฮูกหน้าตาสยดสยอง โดยเลชูซาจะออกล่าพรากเด็กน้อยจากอกของพ่อแม่มาเป็นเหยื่อบูชายันในพิธีกรรมลึกลับ และจะเริ่มออกอาละวาดทำร้ายผู้คนเมื่อถูกคนเหล่านั้นลบหลู่ดูหมิ่นพวกมัน 

 

เวลาออกล่าเหยื่อของเลชูซาคือตอนกลางคืน หากมันพุ่งเป้าไปที่คุณหรือลูกคุณแล้ว คืนนั้นมันจะไปบินไปนั่งอยู่หน้าบ้านพร้อมเลียนเสียงทารกร้องไห้ไม่หยุด เมื่อคุณออกมาจากตัวบ้านเพื่อตามหาต้นตอเสียง มันจะพุ่งเข้าไปตะปบแล้วลากตัวคุณหายไปทันที แต่หากคุณรู้ตัวไม่ยอมหลงกลออกจากบ้านไป มันจะทิ้งร่องรอยข่วนสุดสยองไว้ตามหน้าต่างและประตู

 

“บ้านเกิดฉันอยู่ที่เมืองชิวาวา ประเทศเม็กซิโก หลายปีก่อนตอนพี่สาวฉันกลับมาเยี่ยมบ้านในวันหยุด เธอบอกว่าเห็นนกยักษ์สีดำจ้องเขม็งตอนที่เธอกำลังว่ายน้ำเล่นในสระ เธอกลัวมากเลยรีบกลับบ้านทันทีแต่นกยักษ์ตัวนั้นกลับบินตามเธอมาด้วย แล้วยืนอยู่หน้าบ้านทั้งวันทั้งคืนไม่ไปไหนจนเกือบรุ่งสาง ลุงของฉันเห็นแล้วก็ทนไม่ไหวคว้าปืนยิงไปหนึ่งนัด แต่ในตอนเช้าพวกเขากลับพบศพป้าแก่ ๆ ถูกยิงนอนอยู่หน้าบ้าน.. ถ้าเลชูซาไม่มีจริง หมายความว่าคุณลุงของฉันเป็นฆาตกรงั้นสิ!?”

 

ลาโยโรนา หญิงร่ำไห้
(La Llorona / The Weeping Woman)

ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง หญิงสาวชาวบ้านชื่อว่า “มาเรีย” พบรักกับชายหนุ่มเศรษฐีที่ผ่านมาพอดี แต่ครอบครัวของชายหนุ่มรับสถานะยากจนของมาเรียไม่ได้ เธอจึงยอมอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็ก ๆ ที่สามีสร้างไว้ให้ในหมู่บ้าน มาเรียอดทนเลี้ยงลูกแฝดเพียงลำพังเพราะสามีต้องเดินทางไปทำงานในเมืองอื่นบ่อยครั้ง แถมเนิ่นนานจนไม่กลับมาหาเธอและลูก ๆ นานนับปี วันหนึ่ง มาเรียพาลูกแฝดของเธอไปเดินเล่นริมแม่น้ำ แต่กลับเห็นสามีที่รักอยู่กับสาวงามคนอื่น ความหึงหวงและความคับแค้นใจ ทำให้เธอสติหลุดไปชั่วขณะ มาเรียโยนลูกแฝดของเธอลงแม่น้ำแล้วจับกดจนพวกเขาสิ้นลมหายใจ เมื่อได้สติและรู้ตัวว่าทำเรื่องชั่วร้ายลงไปเธอจึงกระโดดทะเลสาปตายตามไปทันที ยามนี้..เธอร่ำไห้นิรันดร และหากใครที่ได้ยินเสียงเพรียกแห่งความตายยามค่ำคืนของเธอต้องพบจุดจบ เธอคืบคลานในความมืด เรียกร้องหาเด็ก ๆ เพื่อนำมาแทนที่ลูกของตน จนได้รับขนานนามว่า “ลาโยโรนา” ซึ่งแปลว่า หญิงร่ำไห้ นั่นเอง

 

เรื่องราวของ ลาโยโรนา ถูกหยิบมาสร้างเป็นภาพยนตร์หลายฉบับ ล่าสุดคือ “The Curse of Weeping Woman - คำสาปมรณะจากหญิงร่ำไห้” โดยผู้กำกับไมเคิล ชาเว่ นำแสดงโดย ลินดา คาร์เดลลินี่, แพริเซีย วีลาสเควซ, รามิซอล รามิเรซ, โรมัน คริสโต และเจย์นี่-ลินน์ คินเซน เข้าฉายแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์

 

ชมคลิปเบื้องหลัง The Curse of The Weeping Woman - Creating The Myth Featurette (ซับไทย)

 

ที่มา: scaryforkids.com, mexicanist.com

: เกร็ดหนังดี, The Curse of La Llorona, The Curse of the Weeping Woman

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • เกร็ดหนังดี ล้วงลึกก่อนดูภาพยนตร์ หม่อม
  • เกร็ดหนังน่ารู้ ก่อนดู Black Adam 20 ตุลาคมนี้ ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น!
  • เกร็ดภาพยนตร์ Vesper ฝ่าโลกเหนือโลก 6 ตุลาคม ในโรงภาพยนตร์
  • 6 เกร็ดหนังทวนความจำก่อนดู Fantastic Beasts: The Secrets Of The Dumbledore
  • เกร็ดเบื้องหลังน่าสนใจ Justice League จากปากของผู้กำกับฯ แซ็ค สไนเดอร์
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :
     
     
     
     

    ความคิดเห็นที่ 1  จากคุณ mdigital     14 ม.ค. 2567 00:10 น.


     1