ข่าว > ข่าวหนังทั้งหมด > รีวิวหนังวันวาน

รีวิวซีรีส์ Tomorrow: พรุ่งนี้

21 มิ.ย. 2565 13:14 น. | เปิดอ่าน 1392 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 

** tw : suicide / self-harm / domestic violence / sexual assault**

เรื่องราวของชเวจุนอุง ชายหนุ่มตกงานที่ชีวิตเริ่มหดหู่เต็มทนเพราะหางานไม่ได้สักที แต่เขาก็ยังมีกะจิตกะใจช่วยเหลือชายคนหนึ่งที่คิดกระโดดสะพานจนชเวจุนอุงผลักตกน้ำอาการโคม่าเสียเอง จากเหตุการณ์นั้นเขากลายเป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งวิญญาณที่ได้รับข้อเสนอจากยมทูตให้เข้าร่วมหน่วยปฏิบัติการพิเศษซึ่งจัดตั้งมาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ที่คิดจะจบชีวิตตัวเอง

 

ดีทุกอย่างแบบไม่รู้จะอวยยังไง ทั้งเนื้อเรื่อง นักแสดง และประเด็นในสังคมที่ซีรีส์ต้องการจะสื่อในแต่ละตอน แต่ต้องขอเตือนก่อนว่าหลาย ๆ ประเด็นอาจจะละเอียดอ่อนสำหรับบางคนจนไปกระทบจิตใจได้ เพราะฉะนั้นหากใครที่จิตใจอ่อนไหวในเรื่องของการฆ่าตัวตาย การทำร้ายตัวเอง การสูญเสียคนที่รัก การแท้งบุตร การล่วงละเมิดทางเพศ โรคซึมเศร้า ตกงาน ประเด็น Victim Blaming การ Bully รวมถึง Body Shaming อาจต้องใช้วิจารณญาณก่อนดู เพราะซีรีส์แตะทุกประเด็นอย่างถึงพริกถึงขิง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประเด็นที่เกิดขึ้นจริงในสังคมที่ซีรีส์ฉลาดจะหยิบมาเล่าเพื่อนำเสนอให้ทุกคนเข้าใจทั้งในมุมมองของผู้ถูกกระทำ และในมุมมองของผู้คนรอบข้างที่อยากช่วยเหลือ ชื่นชมมาก ๆ ที่หลายเรื่องทำให้เราได้ตระหนักถึงความรู้สึกของคนรอบข้างมากขึ้น ดูแล้วรู้สึกว่าบางอย่างเราก็คิดน้อยมากเกินไป และเราควรถนอมน้ำใจ ควรรักษา และดูแลทั้งตัวเราและคนรอบข้างให้มากกว่านี้ เพราะ “แค่คำพูด” นั้นสามารถทำร้ายคนหลายคนให้เจ็บลึกไปจนนาทีสุดท้ายของชีวิตได้ และแม้แต่ตัวผู้พูดเองก็อาจเสียใจภายหลังได้เช่นเดียวกัน

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ว่าทุกภารกิจจะเป็นงานของเหล่ายมทูตที่มีพลังวิเศษพร้อมช่วยเหลือผู้คนมากมายก็จริง แต่ชอบมาก ๆ ที่ซีรีส์ย้ำให้เราคิดได้ว่า ‘คำพูด’ นี่แหละสามารถช่วยชีวิตคนได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้พลังวิเศษอะไร เพียงแค่พร้อมโอบอุ้มผู้คนเหล่านั้นด้วยความเข้าใจก็เพียงพอแล้ว เพราะฉะนั้นตัวพระเอกจึงเป็นตัวแทนของคนธรรมดาอย่างเรานั่นเอง นอกจากนี้ซีรีส์ยังทำให้เห็นด้วยว่าเราทุกคนไม่มีใครเพอร์เฟกต์ไปเสียทุกอย่าง แม้แต่ยมทูตเองก็มีปมมีความทุกข์ในใจที่กระทบชีวิตและหน้าที่ได้เช่นเดียวกัน เราจึงได้เห็นภาพที่เหล่าตัวละครผลัดกันดึงสติกันไปมา เป็นการตอกย้ำว่าเราเองก็ไม่ได้เก่งไปซะทุกเรื่อง มีผิดมีถูก มีผิดพลาด ขึ้นอยู่ที่ว่าเราพร้อมจะยอมรับและแก้ไขในสิ่งที่เราผิดไปหรือไม่ ในทางกลับกันก็ชวนให้คิดว่าเรานั้นจะพร้อมยอมรับความผิดพลาดของคนอื่น และช่วยประคองให้เขาเดินไปในทางที่ถูกต้องได้หรือเปล่า

 

ในแง่ของความบันเทิง เรื่องนี้จัดให้เต็มร้อย มีครบทุกรสชาติ ทั้งรัก ตลก อบอุ่ยหัวใจ ซึ้งจนน้ำหูน้ำตาไหลแทบทุกตอน การเดินเรื่องกระชับ จบในตอน คลายปมทุกอย่าง ซีจีปังไม่ขัดตา เพลงประกอบเพราะ ไอเดียการครีเอตปรโลกและองค์กรชื่อว่า “จูมาดึง” ของเหล่ายมทูตก็เหนือจินตนาการสุด ๆ ชอบความแบบมีหน่วยตัดต่อความทรงจำ มีหน่วยการค้าเก็บความฝัน มีหน่วยนำทางพาวิญญาณ มีฝ่ายนรก ซึ่งเราจะได้เห็นองค์กรนี้ตั้งแต่สมัยโบราณจนพัฒนาขึ้นมาให้ร่วมสมัยกับยุคปัจจุบัน เรื่องราวความหลังของยมทูตแต่ละคนก็ทำให้เราอินไปกับพวกเขาจนดูจบแล้วมันรู้สึกผูกพันกับตัวละครอย่างบอกไม่ถูก ที่สำคัญเหล่านักแสดงนำอย่าง คิมฮีซอน, โรอุน, อีซูฮยอก, คิมแฮซุก และยุนจีออน คือถ่ายทอดเอกลักษณ์ของตัวละครของตัวเองออกมาได้ดีมาก รับรองว่าดูจบแล้วทุกคนจะต้องคิดถึงจูมาดึงอย่างแน่นอน

 

สรุปโดยรวมให้ 10/10 ไม่รู้จะหักตรงไหนเลย มันสมบูรณ์แบบสำหรับเรามาก ใครกำลังมีวันแย่ ๆ แล้วอยากได้พลังบวก ได้คำพูดปลอบใจดี ๆ อยากขบคิดอะไรเกี่ยวกับชีวิตสักนิดสักหน่อย แนะนำว่าให้ดูด่วน แม้จะต้องร้องไห้ชุ่มหมอนแทบทุกตอนเพราะบางทีโลกนี้มันก็โหดร้ายกับเรามากไปหน่อย แต่มันสอนให้เราสู้ต่อไปตราบที่ยังมีลมหายใจ รวมถึงสอนให้เรายอมรับธรรมชาติของชีวิต ทั้งการเจ็บป่วย การตาย และการจากลาได้อย่างดีเยี่ยมจริง ๆ 

 
: รีวิว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • รีวิว My Name is Loh Kiwan – ผมชื่อโรกีวาน
  • "The Zone of Interest วิมานนาซี" รีวิวสะพรึงทั้งรอบสื่อ ผู้กำกับ-นักวิจารณ์-นักการเมือง เริ่ม 1 มีนาคมนี้
  • รีวิวซีรีส์ A Shop for Killers
  • เฮี้ยนสยอง หลอนแรง จนไม่กล้าขึ้นลิฟต์! "Elevator Game ลิฟต์ซ่อนผี" วันนี้ ในโรงภาพยนตร์
  • "สมมติ" (Supposed) ทุกเสียงชื่นชม "หนังไทยแห่งปี" สมศักดิ์ศรี "ภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย" ของ "ธนกร พงษ์สุวรรณ"
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :