ข่าว > ข่าวสัพเพเหระทั้งหมด > Webmaster Talk

คริสโตเฟอร์ ลี กับ 10 ภาพยนตร์แห่งความทรงจำ

15 มิ.ย. 2558 13:45 น. | เปิดอ่าน 1438 | แสดงความคิดเห็น
แชร์หน้านี้ แชร์หน้านี้
 

 


Scars of Dracula (1970)

ถือเป็นข่าวร้ายข่าวใหญ่แห่งวงการภาพยนตร์ กับการจากไปของ คริสโตเฟอร์ ลี ที่เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2558  เป็นนักแสดงอีกหนึ่งคนที่น่ายกย่องจดจำ เขาทำงานในวงการภาพยนตร์มาจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต แต่แล้วโชคชะตาก็ทำให้เขาต้องจากโลกนี้ไปด้วยอาการหัวใจล้มเหลวเช่นเดียวกับ Conrad Veidt ไอดอลของเขา  ด้วยวัย 93 ปี   ผู้กำกับหลายๆรุ่นในวงการ Hollywood ต่างเติบโตมาในวงการภาพยนตร์พร้อมๆกับ คริสโตเฟอร์ ลี  จริงๆแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาต่างช่วยกันป้อนงานให้กับ คริสโตเฟอร์ ลีe แต่เขาก็ใช้ความสามารถของเขาเองในการทำงานทุกๆชิ้นให้ออกมาดีโดยปราศจากความช่วยเหลือจากบรรดาผู้กำกับที่ให้โอกาสเขาได้เดินหน้าต่อไปในวงการภาพยนตร์ แม้เขาจะมีเงินมหาศาลแต่เขาเป็นคนบ้างาน มันคงจะน่าเบื่อถ้าเขาจะต้องอยู่เฉยๆ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่มหัศจรรย์สำหรับคนวัย 93 ปี เป็นเวลากว่า 65 ปีที่เขาอยู่ในวงการภาพยนตร์ 




Star Wars: Episode II - Attack of the Clones (2002) 


คริสโตเฟอร์ ลี เป็นนักแสดงที่เป็นเหมือนตำนานและได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Lord of the Rings ทั้งสามภาคให้กับบริษัท นิวไลน์ ซีเนม่า ภาพยนตร์เรื่อง Star Wars: Episode II – Attack of the Clones และเรื่อง Star Wars: Episode III – Revenge of the Sith จากบริษัท ลูคัส ฟิลม์ ก่อนหน้าการแสดงของเขาสำหรับภาพยนตร์บล๊อคบลัสเตอร์เหล่านี้ ลียังได้แสดงในผลงานภาพยนตร์อิสระที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงคือเรื่อง Jinnah ซึ่งเขาคิดว่าเป็นภาพยนตร์ที่สำคัญที่สุดในอาชีพการแสดงของเขาและยังได้ร่วมแสดงในมินิซีรีส์ทางช่อง บีบีซีเรื่อง Gormemghast เขายังได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Crimson Rivers II โดยแสดงกับ จีน รีโน่และผลงานของทิม เบอร์ตันเรื่อง Sleepy Hollow และเราจะได้เห็นผลงานของเขาอีกจากภาพยนตร์เรื่องต่อไปของทิม เบอร์ตันคือเรื่อง Corpse Bride

ลีได้รับการศึกษาที่ โรงเรียน เตรียมความพร้อมที่ซัมเมอร์ ฟิลด์ และได้รับทุนการศึกษาที่วิทยาลัยอิตัน คอลเลจ และ เวลลิ่งตัน คอลเลจซึ่งเขาได้ทุนการศึกษาภาษากรีกและละติน หลังจากที่ออกจากโรงเรียนเขาได้ทำงานเป็นนักการและเด็กส่งเอกสารในกรุงลอนดอนโดยได้รับเงินเดือนอาทิตย์ละหนึ่งปอนด์และในระหว่างเวลาห้าปีของสงครามโลกครั้งที่สอง เขาได้รับใช้ชาติในกองทัพอากาศและกองกำลังพิเศษ เขาได้รับรางวัลและได้รับการติดยศเป็น จ่าอากาศ
 


Charlie and the Chocolate Factory (2005) 

หลังจากที่เขาย้ายในปี 1946 เขาได้เข้าวงการภาพยนตร์ในปี 1947 และในช่วงเวลาหนึ่งได้เซ็นสัญญากับ แรงค์ ออแกไนเซชั่น เขาได้ร่วมแสดงในงานละครเวที โอเปร่าและได้รับการบันทึกเป็นละครวิทยุไปทั่วโลก เขายังได้ร้องเพลง The Return of Captain Invincible และได้บันทึกเสียง เรื่อง The King of Elfland’s Daughter สำหรับ คริสซาลิส; ผลงานของ สตราวินสกี้เรื่อง The Soldier’s Tale สำหรับ นิมบัส; เรื่อง Peter and the Wolf ซึ่งเป็นอีกเรื่องสำหรับ นิมบัส ซึ่งอำนวยเพลงโดย เยฮูดี้ เมนูฮิน; เรื่อง The King and I ซึ่ง คริสโตเฟอร์ ลี ได้ร้องเพลง Devils, Rogues and Other Villains from Broadway to Bayreuth และอื่น ๆ อีกมาก เมื่อไม่นานมานี้ เขายังได้บันทึกเสียงอัลบั้มกับร้าบโซดี้ซึ่งเป็นวงเมทัลที่มีชื่อเสียง และยังได้บันทึกเสียงซิงเกิ้ล The Magic of the Wizard Dream ซึ่งได้เข้าในชาร์ตทางดนตรี และทำให้เขากลายเป็นนักร้องฮิตอันดับหนึ่ง

 


The Wicker Man (1973)

 

ลีได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์มากกว่า 250 เรื่องรวมทั้งผลงานทางจอโทรทัศน์และในผลงานเหล่านั้นเรื่องที่เป็นที่รู้จักกันดีคือเรื่อง A Tale of Two Cities เรื่อง Dracula เรื่อง The Mummy เรื่อง The Wicker Man เรื่อง The Privae Life of Sherlock Holmes เรื่อง The Three and the Four Musketeers เรื่อง The Man with the Golden Gun (ซึ่งผู้เขียน เอียน เฟลมมิ่งนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา) เรื่อง 1941 เรื่อง Airport 77 และเรื่อง Gremlins II เขายังถือว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในงานด้านการแสดงของเขาคือการได้เป็นเจ้าภาพ ใน Saturday Night Live ในปี 1978 พร้อมด้วย จอห์น เบลุชี่ เดน ไอครอยด์ บิลล์ เมอร์เรย์ กิลด้า แลดเนอร์ ลาเรน นิวแมน และเจส เคอร์ติน และโชว์ชุดนี้ยังได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับสามของซีรีส์

ลีมีสามสิ่งที่ยังคงความมีชื่อเสียงในฐานะนักแสดงคือ: เขาเป็นนักแสดงผู้ซึ่งรับบทเชอร์ล๊อค โฮล์มรวมทั้งน้องชายของเขา ไมครอฟท์; เขารับบท พระเจ้า ชาร์ล ที่หนึ่งของประเทศอังกฤษและ พระเจ้า หลุยส์ที่สิบหกแห่งประเทศฝรั่งเศส; และเขายังเป็นผู้ถือสถิติของการต่อสู้ด้วยดาบในระหว่างการถ่ายทำมากกว่านักแสดงคนอื่นในประวัติศาสตร์ เขายังได้แสดงบทบู๊ด้วยตัวเองและยังเป็นสมาชิกผู้ทรงเกียรติของสมาคม Stuntmen’s Unions

และนี่คือผลงานของ คริสโตเฟอร์ ลี 10 เรื่องที่นักเขียนชีวประวัติอย่าง Jonathan Rigby ยกให้เป็นภาพยนตร์ที่เขาชื่นชอบมากที่สุด

 




 

1. The Curse of Frankenstein (ผู้กำกับ Terence Fisher, 1957)
ภาพยนตร์เรื่องนี้ คริสโตเฟอร์ ลี ทำให้ผมรู้สึกว่า The Creature เหมือนเด็กที่สมองได้รับความกระทบกระเทือน เหมือนหุ่นเชิดที่ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง มันทำให้นึกถึง Peter Cushing ในบทแฟรงเก็นสไตน์ที่ให้ความสำคัญแต่เรื่องการแต่งตัว

 

2. A Tale of Two Cities (ผู้กำกับ Ralph Thomas, 1957)
ความนิยมจากเรื่อง Curse of Frankenstein ส่งผลให้ คริสโตเฟอร์ ลีได้มาร่วมแสดงในเรื่องนี้เมื่อปี 1957 ซึ่งเรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เขาได้มาเป็น Dracula อย่างเต็มตัว บทบาทที่เขาได้รับคือ Marquis St Evremonde เป็นคนที่น่ารังเกียจของสังคมเห็นแก่ธุรกิจส่วนตัว

 

3. The Two Faces of Dr Jekyll (ผู้กำกับ Terence Fisher, 1960)
หลังจาก Dracula (1958) ก็มีบทตัวร้ายเสนอมาให้เขาร่วมแสดงหลายต่อหลายเรื่อง ซึ่งบทบาทที่เขาได้รับในเรื่องนี้จะเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหราโดยที่เกาะคนอื่นกิน มันเป็นโอกาสที่ดีมากๆที่เขาสามารถลบล้างภาพเดิมๆและสามารถเทียบขั้นได้กับ Paul Massie นักแสดงนำในเรื่องนี้

 

4. The Devil-Ship Pirates (ผู้กำกับ Don Sharp, 1964)
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ คริสโตเฟอร์ ลี รับบทเป็น Captain Robeles ซึ่งเป็นคนที่ชอบเยาะเย้ยผู้อื่นแบบสุดๆ แถมยังชั่วร้ายใจดำอีกด้วย     

 

5. The Private Life of Sherlock Holmes (ผู้กำกับ Billy Wilder, 1970)
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานชิ้นหนึ่งที่ คริสโตเฟอร์ ลี ภาคภูมิใจมากที่สุด มันเป็นตอนจบของเขาในบทบาทที่ต้องอยู่ในสุสาน เรื่องนี้เขารับบทเป็น Mycroft Holmes ที่อาจจะไม่ได้เป็นคนเพอร์เฟ็คแต่เขาก็สุภาพ เขาปากร้ายและมีอารมณ์ขัน ซึ่งก็ไม่ต่างกับชีวิตจริงของ คริสโตเฟอร์ ลีe และมันยังสามารถชดเชยบท Sherlock ที่เขาเคยเล่นแล้วไม่เป็นที่จดจำอีกด้วย


6. The Man with the Golden Gun (ผู้กำกับ Guy Hamilton, 1974)
แม้ว่าบท Francisco Scarmanga อาจจะเคยเป็นที่ถกเถียงกันว่าจะตกเป็นของ Jack Palance มาก่อน แต่การที่บทนี้ตกมาเป็นของ
คริสโตเฟอร์ ลี ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวังเลยแม้แต่นิดเดียว เขาทำให้ Scaramanga กลายเป็นบทที่สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างมหัศจรรย์ คุณคิดว่า คริสโตเฟอร์ ลี  เป็น Scaramanga ที่ดีที่สุดในบรรดาวายร้ายของ Bond มั้ยล่ะ? ผมขอเป็นหนึ่งคนที่โหวตให้เขา

 


7. Treasure Island (ผู้กำกับ Fraser C Heston, 1989)
เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายทางโทรทัศน์ไม่ได้ออกฉายในโรงภาพยนตร์ ซึ่งในเรื่องนี้ คริสโตเฟอร์ ลี จะรับบทเป็น Blind Pew เทพแห่งความตาย ทำให้ Freddy Krueger ดูเหมือนเป็น Santa Claus แม้ว่ามันจะดูไม่ได้มีอะไรมากแต่ คริสโตเฟอร์ ลี  สามารถแสดงบทบาทนี้ออกมาได้ดึงดูดผู้ชมอย่างมหัศจรรย์

 

8. Jinnah (ผู้กำกับ Jamil Dehlavi, 1997) 
ปี 1997 เป็นปีที่ครบรอบ 50 ปีของ คริสโตเฟอร์ ลี ในวงการภาพยนตร์รวมถึงเป็นปีที่ครบรอบ 50 ปีของประเทศปากีสถานอีกด้วย เขารับบทเป็น Mohammed Ali Jinnah ผู้ก่อตั้งประเทศปากีสถาน เขาแสดงได้อย่างสมบทบาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่เขาต้องหยุดยั้งพวกที่มาก่อความไม่สงบ โดยออกคำสั่งให้ทำลายล้างให้เรียบ “เติบโตขึ้นและรับใช้ปากีสถาน!”

 


 

9. The Lord of the Rings: The Return of the King (ผู้กำกับ Peter Jackson, 2003)
คริสโตเฟอร์ ลี เดินทางไป New Zealand เป็นครั้งแรกตามที่ Tolkien ต้องการในเดือนมกราคมปี 2000 เขาได้ร่วมถ่ายทำเป็นตัวประกอบเล็กๆน้อยๆในช่วงปลายฤดูร้อนปี 2003 แต่เนื่องจากเรื่องอื้อฉาวทำให้ Peter Jackson ลบฉากของเขาที่รับบทเป็น Saruman ออกไปจากหนัง แต่เราจะได้เห็นฉากการตายที่น่าประทับใจในเวอร์ชั่น DVD มันทำให้รู้สึกเศร้าและอินไปกับหนัง

 



10. Greyfriars Bobby (ผู้กำกับ John Henderson, 2005)
ผมชอบหนังเรื่องนี้มากจริงๆ คริสโตเฟอร์ ลี รับบทเป็น Lord Provost เช่นเคยเขาแสดงออกมาได้ดีเยี่ยมทั้งสง่างามและน่าติดตาม ตอนที่ คริสโตเฟอร์ ลี  พูดว่า “อิสรภาพของกรุงเอดินเบิร์ก”  มันเป็นจุดที่ดึงอารมณ์ได้อย่างสุดยอดของภาพยนตร์เรื่องนี้เลย


อ้างอิงข้อมูลจาก  bfi.org.uk

: คริสโตเฟอร์ ลี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • คริสโตเฟอร์ ลี ผู้รับบทซารูแมน ใน The Lord of the Ring เสียชีวิตแล้วด้วยวัย 93 ปี
  •  
     
     
    ร่วมแสดงความคิดเห็น
     
    ชื่อ :
     
    ความคิดเห็น :