ถาม

“ถือว่าดีนะคะ เวลาเดียไปข้างนอกจะมีคนมาทักเดียว่า เหมย ๆ แล้วเค้าจะถามเมื่อไร่จะตบน้ำหวาน อยากให้ตบน้ำหวานเสียที (หัวเราะ) มีคนพูดถึงเยอะ ดีใจมาก เพราะว่าเรื่อง ระบำดวงดาว ถ่ายกันมาเป็นเวลา 12 เดือน 12 วัน เป็นปีเลยค่ะ เดียรู้สึกเหนื่อยนะคะ เพราะมันเป็นละคร เรื่องแรก อีกอย่างเดียเองเป็นคนที่ไม่มีพื้นฐานด้านการแสดงด้วย ถ่ายฉากแรกก็ 7-8 เทค เดียแอบคิดว่าตัวเองจะเป็นตัวถ่วงของกองละคร เค้าหรือเปล่า”

ฉากแรกของการถ่ายทำ ? “เป็นฉากที่อยู่ในตลาด กำลังขายกล้วยแขก แล้วต้องคุยกับคนนั้นคนนี้ แล้ว พี่โอ๋ ผู้กำกับ ซึ่งถ้าเดียแสดงไม่ถูกใจเค้า พี่โอ๋จะไม่ให้ผ่าน มันต้องถูกใจเค้าถึงจะยอมให้ผ่าน ทุกอย่างต้องออกมาดี ที่สุด พอเดียพูดปุ๊ป พูดออกมาก็ไม่ชัด ไม่ค่อยจะอ้าปาก ภาษาไทยที่พูด ออกมาก็ไม่ชัด มันเลยมีปัญหาอะไรหลายๆ อย่างที่เราต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆ”

ปัญหาหนักอก เพราะพูดภาษาไทยไม่ชัด ?

“ต้องบอกมันเป็นอย่างนี้มานานแล้วค่ะเพราะในชีวิตประจำเราใช้ภาษาอังกฤษ พี่โอ๋แนะนำให้ใช้ภาษาไทยบ่อยๆ ไม่ต้องพูดภาษาอังกฤษเลยมันจะช่วยได้ (ทำตามมั้ย ?) ก็ทำนะค่ะอย่างตอนที่ถ่ายละคร เดียพยายายามใช้ภาษาอังกฤษ ให้น้อยที่สุด เวลาคุยกับพี่แมท (แมทธิว )เดียพยายามพูดภาษาไทยให้มาก เพราะเดียเห็นว่าละครเรื่องนี้เป็นงานที่สำคัญที่สุดสำหรับเรา เดียก็อยากจะทำ ให้ออกมาดีที่สุดเหมือนกัน เดียพยายาม”

“สนุกดีนะคะ เราทำงานแล้วรู้สึกมีความสุข ทีมงานทุกคนดีมาก นักแสดงน่ารักทุกคนเลย ทำงานด้วยแล้วรู้สึกมีความสุขมากๆ เลยค่ะ” ดูตัวเองครั้งแรกเป็นไง ? “นั่งดูวันแรกซึ่งตรงกับวันที่เลี้ยงปิดกล้อง นั่งลุ้นมาก เรารู้ว่าเราพูดไม่ชัด เรายังแอ็คติ้ง ออกมาไม่ดี แต่พอตัดต่อออกมามันดีกว่าที่เราคิดไว้ ถ้าให้คอมเม้นต์ตัวเอง ต้องบอกยังมีพื้นที่ๆ ที่จะต้องพัฒนาตัวเองอีกเยอะค่ะ (หัวเราะ)”

ในฐานะของคนดู มองตัวเองแล้วคิดอย่างไร ? ?

จบละครเรื่องแรก รับละครเรื่องสอง ?

“ต้องดูก่อนค่ะว่ากระแสตอบรับออกมาเป็นอย่างไรบ้าง สำหรับละครตอนนี้ เพิ่งจะออนแอร์ไปไม่เท่าไร่เลยค่ะ เรื่องนี้มีทั้งหมด 24 ตอน ถ้าจะเล่น เรื่องใหม่ต้องให้จบเรื่องนี้ก่อน ”

‘เหมย’ มีความคล้ายคลึงกับ ‘ลีเดีย’ มากน้อยขนาดไหน?

“มีความคล้ายๆ นะคะ เหมือนตรงที่เพิ่งเข้ามาทำงานในอาชีพนักแสดง เดียเองก็เพิ่งเข้ามาเหมือนกัน ส่วนเรื่องของนิสัย เค้าออกจะลุยๆ คล้ายกับเดียมาก เพราะชีวิตจริงเดียไม่ใช่ผู้หญิงเลย เดีย เป็นคนห้าวๆ พูดจาห้วนๆ เสียด้วยซ้ำ ”

“ชีวิตของเขาเป็นอะไรที่ลำบากมาก ชีวิตเค้าเป็นเด็กกำพร้าที่แม่เลี้ยงเก็บมาเลี้ยง มีพี่น้องที่ไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ เลยซักคน เราเองก็ต้องหาเงิน เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว เป็นอะไรที่ลำบากมากเลยค่ะ”

“ตอนนี้คงต้องรอต้นปีหน้าแล้วค่ะ ช่วงนี้พอปิดกล้องละคร เดียก็พอจะมีเวลาในการคิดคอนเซ็ปต์จะทำอะไรต่อ ต้นปีหน้า จะได้ฟังกัน”

“ต้นปีหน้าก็หมดแล้วค่ะ”

“ใช่ค่ะ เบื่อมาก แต่ถือว่าเป็นโชคไม่ดีแล้วกัน ที่เดียเจอแต่เรื่อง ตอนนี้ พยายามทำบุญเยอะ ๆ ไหว้พระ จิตจะได้สงบ เพราะเวลามีเรื่องแบบนี้ เข้ามาเยอะๆ เราเองก็รับมือไม่ไหว บางครั้งก็สติแตกค่ะ (ยิ้ม)”

“หมดเลยค่ะที่เข้ามาไม่มีข่าวไหนเบาซักข่าวเลยค่ะ เดียเองเจออะไรที่หนักๆ มาตลอด แต่สิ่งที่ดีที่ได้คือ การเรียนรู้วิธีที่จะรับมือกับสิ่งต่างๆ อีกอย่างทำให้ เรารู้ว่า ใครที่สำคัญกับเรา นั่นก็คือครอบครัว และเพื่อนๆ ที่เข้าใจเรา เรียนรู้อะไรได้หลายๆ อย่าง ”

“ความจริงคือความจริงอยู่วันยังค่ำ แล้วก็สิ่งที่เค้าพูดออกมาตามข่าว เรารู้ว่าเราไม่ได้เป็น เพราะฉะนั้นก็ไม่สนใจ ไม่หมกมุ่น คนอื่นจะพูด อย่างไรก็ช่าง เราเน้นที่เราพูดตามความจริง ซึ่งความจริงเป็นอย่างไรก็จะ เป็นอย่างนั้น เคยถามตัวเองเหมือนกันนะว่า ทำไมเราต้องเจอแต่เรื่องอย่างนี้ ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่มันก็ช่วยไม่ได้ เราทำงานตรงนี้ มันก็ต้องมีบ้าง ที่ต้องมีข่าว แต่เราก็คิดว่าการพูดความจริง มันไม่ได้ทำให้เราต้องเจ็บอยู่แล้ว มันไม่สามารถมาทำร้ายเราได้ในวันข้างหน้า พูดวันนี้อีกสิบวันข้างหน้า หรืออีกสิบชาติ มันก็เป็นความจริงอยู่ดี”