Top
โบว์ - แวนด้า สหวงษ์


เปิดใจหมดเปลือก 'แม่โบว์' แข็งแกร่งในวันที่ไร้ 'พ่อปอ'


แม้ว่าวันนี้พระเอกน้ำดี ปอ - ทฤษฎี สหวงษ์ จะจากโลกนี้ไป แต่สิ่งหนึ่งที่ปอฝากไว้ให้แฟน ๆ ได้มีความสุขก็คือ น้องมะลิ - ด.ญ.พาขวัญ สหวงษ์ และภรรยา โบว์-แวนดาสหวงษ์ ที่ปรากฏตัวครั้งใดสร้างรอยยิ้มให้ผู้ที่พบเห็น ตอนนี้ทั้งโบว์และมะลิเลยกลายเป็นคู่แม่ลูกสุดฮอตของวงการไปแล้ว วันนี้โบว์เปิดใจให้สัมภาษณ์กับ "ดาวต่างมุม" อย่างสุดเอ็กซ์คลูซีฟ ถึงชีวิตที่เปลี่ยนไป พร้อมทั้งเปิดเผยถึงน้องออโต้ ลูกชายคนโตเป็นครั้งแรกด้วย

ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @vanda29 (IG) และ นิตยสาร Secret




ตอนนี้กลายเป็นคู่แม่ลูกสุดฮอต การดำเนินชีวิตเปลี่ยนไป?
เปลี่ยนมากค่ะ ในเรื่องของการไปไหนมาไหนแต่ก่อนเราจะไปกันสองคนได้ แต่เดี๋ยวนี้พอไปกันสองคน ก็เข้าใจคนที่เขาชื่นชอบมะลิ เขาก็จะเข้ามาทักทาย เข้ามาถ่ายรูป บางทีก็ไม่ไหว ตอนนี้ก็เลยต้องมีเพื่อนหรือพี่ไปด้วยตลอด แต่เขาก็เป็นเด็กที่ชินกับคน ไม่กลัวคน เพราะส่วนใหญ่ก็จะออกมาเล่นกับพี่ ๆ น้อง ๆ ในหมู่บ้านเยอะ ได้เจอคนตลอด มะลิเลี้ยงไม่ยากค่ะ เขาเป็นเด็กที่ซนตามประสา แต่เขาไม่ดื้อ นอกจากว่าจะหิว หรือง่วงนอนเท่านั้น


ตอนปออยู่เขามีอารมณ์แบบลูกสาวอ้อนพ่อไหม?
มี ตอนพี่ปออยู่เขาก็จะสนิทกันมาก เวลาคุณแม่ดุก็จะวิ่งไปหาคุณพ่อ เพราะเขารู้ว่าคุณพ่อไม่ดุ แต่โบว์จะห้ามค่ะ อะไรที่ไม่ดีเราต้องห้าม ก็ต้องดุ ถ้าตามใจเขาก็จะเป็นเด็กที่ไม่ฟัง ไม่อะไรทั้งนั้น ก็ต้องมีคนใดคนหนึ่งที่ดุ ไม่พ่อดุ ก็ต้องแม่ดุ ปอก็จะมีดุ แต่ดุได้แป๊บเดียวแล้วก็จะสงสาร ขนาดโบว์ดุลูกเขาก็จะมาแบบ อย่า ๆ อย่าดุเยอะ เขาจะสงสาร


โพสต์รูปถึงปอบ่อยมาก แคปชั่นก็สื่อความหมายได้ดี?
ถ้ารูปไหนมีแคปชั่นก็จะเป็นความรู้สึก ณ ตอนนั้นที่เราถ่ายรูปกัน ภาพจะมีเรื่องราว บางภาพไม่มีแคปชั่น แต่เราแค่เห็นรูปเราก็รู้สึกได้ เห็นแล้วก็ลงเลย ตอนนี้จะไม่ค่อยมีรูปปัจจุบันเท่าไหร่ รูปที่ลงก็เป็นรูปที่ถ่ายที่เราเก็บไว้ เหมือนพ่อแม่ทั่วไป มีรูปก็อยากจะโชว์คนอื่น แต่ ณ ตอนนั้นเราทำไม่ได้ มันเป็นเพราะโบว์ที่ไม่เอาออกมาเอง ปอเขาก็จะเก็บ ๆ ไว้


ตอนนั้นปอเขาเต็มใจที่จะเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด แต่ทำไมโบว์ไม่อยากเปิด?
โบว์อยากให้พี่ปอเขาโฟกัสเรื่องงาน เพราะว่าถ้ามีประเด็นเรื่องโบว์กับมะลิขึ้นมา คนชอบก็มี คนไม่ชอบก็มี โบว์ไม่อยากให้พี่ปอมารู้สึกกังวลกับอะไรที่จะเข้ามา ถ้าโบว์ ปอ มะลิ อยู่ด้วยกัน แล้วมีความสุขมันก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครรับรู้ว่าเราอยู่ด้วยกันแล้วนะ เราต้องมีงานแต่งงาน ก็ไม่จำเป็น แค่คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า พี่น้องทุกคนอยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขมันก็เพียงพอแล้ว อีกอย่างพี่ปอรักในเรื่องการทำงานมาก เพราะฉะนั้นโบว์ก็ทำอะไรก็ได้ที่เราจะสนับสนุนเขา เขาทำงานเหนื่อยแล้ว เขาก็ไม่ควรจะมาเหนื่อยในเรื่องอะไรที่กระจุกกระจิก


ปออยากลงรูปกับลูกมาก แต่โบว์ห้ามตลอด?
ใช่ค่ะ เพื่อน ๆ เขาในวัยเขาก็มีลูกกันหมดแล้ว เพื่อนเขาก็โพสต์รูปลูก เขาก็ได้แต่นั่งดูรูปลูกของเพื่อน แล้วเขาก็แบบว่า ลูกฉันก็น่ารักนะ จริง ๆ โซเชียลมะลิมีมาตั้งนานแล้วนะ แต่ตามกันแค่ 10 คน มีแค่พี่น้อง เราจะลงรูปมาตลอดว่าน้องไปไหนอะไรยังไง บางทีเราก็เก็บเป็นอัลบั้มให้เขา เพราะตอนนั้นก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้ว เราก็เปิดกันเล่น ๆ


โบว์ไม่ได้มีความรู้สึกอารมณ์น้อยใจเลยที่ไม่ได้เปิดตัว?
ไม่เลยค่ะ เอาจริง ๆ คนที่น้อยใจกลับเป็นพี่ปอ โบว์จะระวังตัวมาก แต่พี่ปอเขาจะมาบอกว่า ปอไม่อยากปิดแล้ว ปออยากเที่ยวกับลูก อยากเดินกับลูก อยากทำอะไรที่เหมือนที่พ่อคนอื่นเขาทำกัน แต่โบว์ก็บอกว่า ปอทุกวันนี้เราก็มีความสุข เวลาเราไปไหนเราก็ไปกัน 3 คน ที่เห็นในรูปที่ลงเราก็ไปกันสามคนตลอด เราก็จะเลือกสถานที่ที่คนไม่เยอะ แต่ไปแล้วมีความสุขเราก็ทำได้





ในสถานที่ที่คนไม่เยอะ แต่เวลาไปก็เจอคนอยู่ดี แล้วเราทำยังไง?
เขาก็มีพูดกัน แต่โชคดีไปที่ไหนก็จะเจอแต่คนน่ารัก ไม่แอบถ่ายรูป เขาก็มีเข้ามาขอถ่ายรูปพี่ปอ มาถ่ายรูปมะลิ แต่เขาก็ไม่เอามาลง ก็เป็นความโชคดี เรายินดีที่จะอยู่แต่ข้างหลังค่ะ แต่สิ่งที่เราห่วงคือความรู้สึกพี่ปอ เราก็เข้าใจว่าเขาก็อยากทำกิจกรรมอะไรกับลูกบ้าง


ตอนนั้นคุยกันไหมจะเปิดตัวลูกตอนไหน?
คุยแล้ว ก็บอกว่า มะลิสัก 3 ขวบ เราจะมีงานเล็ก ๆ เนอะ เหมือนเลี้ยงญาติ เชิญผู้ใหญ่ที่ปอนับถือมาร่วมงานเลี้ยงเล็ก ๆ แล้วอยากที่จะบอกไป เขาอยากให้มะลิมีความทรงจำ เริ่มจำภาพได้ เริ่มรู้เรื่อง เขาก็อยากเอาลูกเดินจูงมือมาในงาน มีทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตา ที่เคยจัดงานแต่งงานไปแล้วนั้น อันนั้นเป็นพิธีผู้ใหญ่มีแค่ญาติ แต่พี่ปอเขาอยากเชิญเพื่อนฝูง เชิญผู้ใหญ่ที่นับถือไปร่วมปาร์ตี้กันมากกว่า ไม่ได้แบบเป็นงานแต่งงาน


เวลาผ่านไประยะหนึ่งแล้วหายโศกเศร้าลงบ้างไหม?
มันไม่ได้โศกเศร้า มันเป็นความคิดถึง เพราะว่าเราโศกเศร้ามามากแล้ว สำหรับครอบครัว "สหวงษ์" ตอนที่อยู่กับพี่ปอที่โรงพยาบาล 70 วัน มันก็มีทั้งความทุกข์ ความเครียด ความสงสาร มันทุกอารมณ์ แล้วใน 70 วันนั้นแต่ละวันผ่านไป ก็สร้างความแข็งแรงให้โบว์มากขึ้น กำลังใจที่โบว์อยู่ได้ทุกวัน เพราะพี่ปอ เข้าไปเห็นเขา วันไหนที่เขาฟื้นลืมตา เรารู้สึกเลยว่าเขายังสู้ ฉะนั้นเราก็ต้องสู้ แม้ว่าเขาจะพูดกับเราไม่ค่อยได้ แต่ความรู้สึกมันสัมผัสได้ว่าเราต้องเข้มแข็ง พี่ปอรักคุณพ่อคุณแม่เขามาก อย่างน้อยถ้าโบว์ทำแทนได้ โบว์ก็จะทำ ทุกวันนี้ไม่ใช่ว่าพอพี่ปอไม่อยู่แล้วเราจะห่างกัน กลายเป็นว่าคุณปู่คุณย่า คุณพ่อคุณแม่โบว์ กลับสนิทกันมากขึ้น โทรฯหากันทุกวันเช้าเย็น เป็นสิ่งที่พี่ปออยากได้มากที่สุดคือ คุณพ่อคุณแม่คุณปู่คุณย่า โบว์รักป๊อบปี้กับปิล (น้องชายปอ)


แสดงว่าเมื่อก่อนไม่ค่อยได้ไปมาหาสู่กัน?
ช่วงหนึ่งที่คุณย่าเขายังไม่เกษียณ คุณพ่อเขาก็ไม่ค่อยได้มา จะมาก็แค่เสาร์อาทิตย์ สองอาทิตย์ครั้ง ตอนนี้ท่านก็มาบ่อยขึ้น แต่ช่วงนี้โบว์มีงานทุกวันก็เลยยังไม่มีโอกาสไปบุรีรัมย์ แต่ว่าเดี๋ยวอาทิตย์ที่จะถึงนี้ก็จะไปแล้ว พอดีหลาน (ลูกชายป๊อบปี้) เพิ่งคลอดด้วย


ทราบมาว่าตอนที่มีข่าวโบว์หลุดออกมา โบว์ถึงกับร้องไห้กลัวจะทำปอเสีย?
ใช่ค่ะ บอกตัวเองทุกครั้งว่าเราไม่เหมาะกับเขา พยายามหนีหลายรอบแล้วทั้งที่ก็รู้สึกรักเขา แต่อุปสรรคมันเยอะค่ะ แล้วอีกอย่างเราเป็นแม่คนแล้ว เราก็อยากให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด เพราะฉะนั้นช่วงชีวิตที่ผ่านมาของโบว์มันอาจจะไม่สมบูรณ์แบบ แล้วก็เลยทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่เหมาะกับพี่ปอ พอมีข่าวรั่วออกไปก็มีคนมาโจมตี มาด่าโบว์ บางทีคนเหล่านั้นก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่โบว์เจอและก็ที่ผ่านมามันแย่แค่ไหน เราก็ไม่จำเป็นต้องไปบอกใครว่าเราเจออะไรมา ก็พยายามปล่อยทิ้ง พี่ปอก็ให้กำลังใจตลอด


เราล้มเหลวเรื่องการแต่งงานมาแล้ว แต่ทำไมกล้าที่จะเริ่มต้นใหม่กับปอ?
เพราะพี่ปอเลย เขาสู้ และมองเราเป็นผู้หญิงที่มีค่ามาก คนอื่นโบว์ไม่รู้ แต่พี่ปอมองโบว์เป็นผู้หญิงที่มีค่า แล้วทำให้โบว์รู้สึกว่าสิ่งที่ทำให้โบว์ติดอยู่ในใจมันหายได้ พี่ปอเคยบอกว่า เราใช้ชีวิตไปข้างหน้า ไม่ได้ใช้ชีวิตไปข้างหลัง แล้วก็จะบอกเสมอว่า ถ้าวันนี้เราไม่เริ่ม แล้วถ้าพรุ่งนี้ปอตายไป เราจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันไหม





เขาพูดเรื่องความตายบ่อยไหม?
ตลอด เขาจะชอบพูดว่า ทำวันนี้ให้เหมือนเป็นวันสุดท้าย ถ้าวันนี้เรารักกัน มันไม่จำเป็นหรอก คนอื่นเขาไม่ได้มาอยู่กับเรา แต่เราอยู่ด้วยกัน พ่อแม่โบว์ พ่อแม่ปอ ทุกคนในครอบครัว เข้าใจกันก็ไม่จำเป็นนี่ โบว์จะกลัวที่สุดก็ผลกระทบกับงานพี่ปอ นี่คือสิ่งที่โบว์กลัวที่สุดและไม่กล้าที่จะคบกับเขา


ไปเจอกันยังไง เล่าให้ฟังหน่อย?
เป็นเพื่อนของเพื่อน แล้วก็มาเจอกันที่งานวันเกิดของเพื่อน ตอนนั้นต่างคนต่างมีแฟน แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา แค่รู้สึกว่า เออ เจ้านี่มันหน้าตาดีเนอะ พี่ปอก็มอง เราก็มอง แต่ไม่ได้รู้สึกอะไร จนเวลาผ่านไปแล้วมาอยู่ด้วยกัน จนมีมะลิ เขาก็มาถามว่า จำวันแรกที่เราเจอกันได้ไหม โบว์ก็บอกว่า จำได้ ตอนที่โบว์กับปอมองกันในลิฟต์ เขาก็ถามว่า วันนั้นคิดอะไรเปล่า โบว์ก็บอกว่า ไม่ได้คิดเชิงชู้สาวเลย แต่ปออะคิด ถามว่าคิดอะไร เขาบอกว่า ไม่ได้คิดเชิงชู้สาว แต่คิดว่าเขาจะต้องเจอผู้หญิงคนนี้อีก แต่ไม่รู้จะเจอในสถานะไหน เจอกันครั้งแรกเขาก็รู้ว่าโบว์มีแฟน ถึงได้บอกว่า เราไม่ได้คิดเชิงชู้สาวเลย แค่เป็นเพื่อนเท่านั้นเอง หลังจากนั้นก็โคจรมาพบกันอีก ระหว่างที่มาพบกันช่วงนี้ เดี๋ยวโบว์ก็หาย พยายามจะหนีเขา


หลังจากที่โบว์เลิกกับแฟนแล้ว มาเจอปอตอนไหน?
หลังจากเลิกกัน 2 ปีได้ พอเลิกกับแฟนแล้วโบว์ก็เก็บตัวเลย กลับไปบ้านที่หัวหิน เก็บตัวประมาณ 2-3 เดือน แล้วก็ไม่ได้แล้ว ต้องเริ่มทำตัวเองให้แข็งแรง แล้วก็กลับมากรุงเทพฯ จนผ่านไปปีสองปี เขาก็โทรฯมา โทรฯคุยกันธรรมดา ด้วยความที่เราเป็นเพื่อนกันก่อน ก็คุยธรรมดาว่าเป็นยังไงบ้าง โอเคไหม


แล้วลูกชายของโบว์ เข้ากับปอได้ดีไหม?
ดีค่ะ เขาก็เรียกพ่อปอ ปอก็บอกว่า ยังไงเขาก็จะเลี้ยงออโต้ เพราะออโต้คือพี่ชายของมะลิ


ตอนนี้เหมือนเริ่มมีข่าวเปิดตัวไอจีน้องออโต้ออกมา?
เขาจะเล่นเฟซบุ๊ก เล่นอะไรของเขาอยู่แล้ว โบว์กับออโต้ก็มีรูปคู่กัน เขาก็ไปลงเฟซบุ๊กลงอะไรไป ก็จะมีกระแสมาว่า น้องอีกคนอยู่ไหน คือด้วยความรักอะ เราไม่จำเป็นต้องรักผ่านสื่อ ต้องถ่ายรูปให้คนเห็นว่าเรารักลูก คือมีคนบอกว่าเรารักลูกไม่เท่ากัน คือด้วยความเป็นแม่ เรารักลูกทุกคนเท่ากัน เราก็ใช้ชีวิตกับน้องเหมือนเดิม ดูแลน้องเหมือนเดิม น้องก็ยังอยู่ด้วยกันกับเรา คือไม่เห็นจำเป็นจะต้องออกสื่อ แล้วมาบอกทุกคนว่ารัก แต่ถ้าใจเราไม่ได้รัก นั่นอะเจ็บปวด แต่นี่คือเราดูแลกันมาตลอด รักกันอยู่ทุกวัน ก่อนที่จะมีเรื่องนี้





ตอนนี้ชีวิตอยู่ในสปอตไลต์ปรับตัวยังไง?
โบว์จะพยายามทำตัวเป็นปกติ ถ้าสมมุติว่า เรารับงานเราก็จะทำงานที่เรารับให้เต็มที่ คือความเสียใจความโศกเศร้ามันมีอยู่ในตัวในใจเราอยู่แล้ว แต่เมื่อไหร่ที่เรารับงานแล้ว เราก็ต้องทำให้เต็มที่ คือโบว์ไม่จำเป็นต้องมานั่งทำหน้าซึมหน้าเศร้าให้ทุกคนเห็นว่าน่าสงสาร มันอยู่ในใจเราอะ ว่าเรารู้สึกยังไง เวลาโบว์นั่งร้องไห้อาจจะไม่มีใครเห็นก็ได้


ทุกวันนี้กลับบ้านไปยังนั่งร้องไห้อยู่ไหม?
ถ้าอยู่คนเดียว เห็นเสื้อผ้าพี่ปอ คือเสื้อผ้าในห้องนอนยังอยู่ครบ แขวนกางเกงยีนทุกตัวเป๊ะหมด โบว์จะไม่เอาออกเลยสักอย่าง เข้าห้องไปไม่ได้กอดเขาก็กอดเสื้อแทน ที่บ้านก็จะไม่เปลี่ยนอะไรเลยสักอย่างในสิ่งที่เขาวางไว้ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม


ตอนนี้ที่บ้านอยู่กันกี่คน?
แต่ก่อนที่บ้านจะอยู่กัน 3 คน ส่วนน้องออโต้จะอยู่กับคุณตาคุณยายตั้งแต่เด็ก แต่โบว์จะถามเขาตลอดว่ามาไหม เขาก็จะบอกว่า เขาขอดูแลคุณตาคุณยาย เพราะพ่อแม่โบว์ก็เริ่มมีอายุ เวลาอยู่ที่โน่นเขาจะอยู่กับลูกพี่สาวโบว์อีก 2 คนอายุไล่เลี่ยกัน เขาก็จะมีความสุข ได้อยู่ด้วยกัน 3 คน แต่ทุกครั้งปิดเทอมหรือว่าอะไรก็ตามแต่ โบว์จะลงไปหาเขา สองอาทิตย์ลงทีหรือหนึ่งอาทิตย์ลงที แล้วเขาก็จะขึ้นมาหาโบว์บ้าง ตอนนี้ที่บ้านกรุงเทพฯก็จะอยู่กัน 2 คน แล้วก็มีพี่เลี้ยง คือคุณย่าก็บอกว่าจะมาอยู่ด้วย แต่โบว์ก็จะบอกว่า ไม่เป็นไรแม่ ที่ไม่ได้ให้มาอยู่ด้วย ไม่ใช่อะไร แต่เวลาโบว์ออกไปข้างนอก แม่ต้องอยู่คนเดียว แล้วแม่ทำใจไม่ได้แน่นอน แล้วเขาจะหาคนมาอยู่ด้วย โบว์เลยบอกว่า ไม่ต้องค่ะ เพราะถ้าวันนี้โบว์อยู่คนเดียวไม่ได้ แล้วเมื่อไหร่โบว์จะอยู่ได้ เอาให้มันรู้สึกคิดถึงพี่ปอให้ถึงที่สุด เสียใจให้ถึงที่สุด นอนคนเดียวให้ได้ตั้งแต่วันแรก แล้วเดี๋ยวมันก็จะผ่านไปได้


วางอนาคตมะลิไว้ยังไงบ้าง?
ขั้นแรกก็จะให้น้องเรียนตามที่พี่ปออยากให้เรียน แล้วพี่ปอบอกตลอดว่า เลี้ยงลูกให้ลูกมีความสุข ก็อย่างที่เคยพูดไป ลูกพี่ปอไม่จำเป็นต้องสอบได้ที่หนึ่ง ขอให้เขาช่วยเหลือตัวเองได้ เป็นคนดี ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ให้เขามีความสุขที่สุด อย่าให้เขาเครียด


ถ้าวันหนึ่งเขาจะเดินเข้าวงการบันเทิงตามรอยปอ?
ก็แล้วแต่เขาค่ะ พี่ปอบอกตลอดว่าอย่าบังคับลูก ตอนนี้เขาก็สนุกสนานของเขาไป ก็ยังมองไม่ออกหรอกว่าเขามีแววไหม ด้วยวัยนี้ก็เล่น ๆ ตามประสาเด็ก ถ้าเขาจะเหนื่อยก็คงเป็นเวลาที่เขาง่วง หรือเวลาที่มีคนมาล้อมเยอะๆ เพราะพื้นที่ของแต่ละงานที่ไปก็จะแคบบ้าง กว้างบ้าง ถ้าแคบไปเขาก็จะรู้สึกเหมือนเขาโดนล้อม ถ้าเขาอยู่แล้วเขามีความสุขก็จะให้อยู่ ถ้าเขาอยู่แล้วไม่มีความสุข โบว์จะให้ออกมาทำในสิ่งที่เขาอยากทำ





ด้วยความที่ทุกวันนี้มีคนมาห้อมล้อม เอาใจเยอะ กลัวไหมว่าวันหนึ่งลูกจะถูกสปอย?
ก็ห้ามปรามอยู่ ทุกวันนี้อยู่บ้านก็ไม่ใช่แบบนี้ ถ้าเขาทำอะไรไม่ถูก โบว์ก็จะปราม อย่า ไม่ แล้วเขาจะกลัว ด้วยความที่เขามีพี่เลี้ยง เขาจะอ้อนได้ไง แต่ถ้าอยู่กับโบว์เขาจะอีกแบบ บอกว่าไม่ก็คือไม่ เขากลัวโบว์ พี่ปอจะบอกว่า อย่าเลี้ยงลูกให้ลูกเป็นคุณหนู ให้เลี้ยงลูกแบบติดดิน อนาคตถ้าเราไม่อยู่เขาจะได้อยู่ได้


ถูกแซวว่าเป็นแม่ลูกค่าตัวสูง?
ค่าตัวก็สูงไปเนอะข่าว (หัวเราะ) ถ้าได้ตังก็ยินดี แต่ไม่สูงขนาดนั้น คือเราโฟกัสที่เนื้อหาของงานมากกว่า เรื่องค่าตัวก็แล้วแต่ความใจดีของผู้ใหญ่ที่ให้มาแต่ละงาน


โบว์ล่ะพร้อมที่จะเดินเข้าสู่วงการบันเทิงแบบเต็มตัวไหม?
อายุจะเยอะไปแล้ว (หัวเราะ) ก็ถ้ามีงานไหนที่เราทำแล้วทำออกมาได้ดี ก็จะทำ แต่ถ้าทำแล้วมันไม่ใช่เรา ผลงานออกมาไม่ดี ก็เลี่ยงไปดีกว่า


บริษัทผลิตละครที่จะสานฝันปอ ตอนนี้ไปถึงไหนแล้ว?
ก็ฟอร์มทีมอยู่ค่ะ มีการประชุมกันเรื่อย ๆ ทุกอาทิตย์ว่าเราจะดำเนินยังไง แล้วก็มีผู้ใหญ่ที่คอยช่วยสอนสิ่งต่าง ๆ ให้โบว์ค่อย ๆ เรียนรู้ไป ไม่มีอะไรที่เราเข้าไปแล้วเก่งเลย ก็อยากทำละครแนวครอบครัวสนุกสนาน ดูได้ทั้งครอบครัว เด็กดูได้ แต่ต้องไม่น่าเบื่อ ดูแล้วมีเสียงหัวเราะ มีข้อคิดและแนวคิดในการดำรงชีวิตครอบครัวให้มีความสุข


ละคร "ท่านชายกำมะลอ" ออกอากาศอยู่ได้มีโอกาสดูบ้างไหม?
ยังไม่มีโอกาสดู แต่ว่าจะถามทุกคนที่ดูว่า พี่ปอโอเคไหม คนดูก็จะบอกว่า พี่ปอน่ารักมาก นั่งดูไปหัวเราะไป น้ำตาไหลไป คือในช่วงอารมณ์ของโบว์ โบว์ยังดูไม่ได้ เห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวที่เป็นเขานี่ดูไม่ได้เลย จะร้องไห้เลย แต่จะบอกพี่ปอตลอดว่า เรตติ้งดี คนชอบ เรื่องนี้มันเป็นตัวเขาจริง ๆ แล้วเขาก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปถ่ายละคร เพราะว่าเขาบอกว่ามันเป็นบทบาทที่ท้าทาย เล่นให้คนขำอะ เล่นยากนะ



* ดูประวัติ โบว์ - แวนด้า สหวงษ์


 
 

Box Office

เรื่อง
ล่าสุด
รวม
1.
2.
3.
4.
5.
เรื่อง
ล่าสุด
รวม
1.
2.
3.
4.
5.

บทสัมภาษณ์ทั้งหมด

 
 
 

ติดตามหนังดี : Youtube Instagram Facebook Twitter  

MMM Digital Asset Co.,Ltd.
109 อาคารซีซีที ชั้น 2 ถนนสุรวงศ์
แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
Tel. 0-2234-7535    FAX. 0-2634-4269
E-mail: webmaster@nangdee.com   © 2006 nangdee.com
แผนที่ | sitemap | ติดต่อโฆษณา