Top
รถเมล์ - คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์


11 ปี ที่ 'รถเมล์' อยู่ในวงการ! สบายๆไม่ปั้นแต่งตั้งแต่ต้น


เป็นอีกหนึ่งนักแสดงสาวที่โลดแล่นในวงการมากว่า 11 ปี แล้ว สำหรับ รถเมล์ - คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์ ที่ตอนนี้เจ้าตัวกำลังขอพิสูจน์ฝีมือใน "เลื่อมสลับลาย" ที่เธอบอกว่าเป็นอีกบทบาทที่ท้าทายที่สุดในชีวิต และเมื่อเธอว่างจากกองถ่าย "ดาวต่างมุม" เลยไม่พลาดขอนัดแนะเธอแบบส่วนตัว เพื่อพูดคุยถึงชีวิตการทำงาน รวมไปถึงเรื่องความรักที่เต็มไปด้วยความเข้าใจกับนักธุรกิจหนุ่ม แม็ค - จักรกฤษณ์ เบเนเดดตี้ ด้วย

ที่มา: ดาวต่างมุม เดลินิวส์ / ภาพ: @rodmayaloha (IG)




ถามถึงบท "ปิ่นปัก" เวอร์ชั่น 2015 หน่อย?
ปิ่นปักเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวเองค่ะ เพียบพร้อมทุกอย่าง ชีวิตที่ถูกพ่อแม่เลี้ยงดูแบบเป็นที่หนึ่งในทุกอย่าง วันนึงพอผิดหวังในเรื่อง ความรักก็อยากเปลี่ยนตัวเอง เพราะทนไม่ได้ บทนี้มันยากมาก และหนูไม่เคยเล่นบทแบบนี้มาก่อนเลย ตอนต้นเรื่องเราเป็นคนที่มีความมั่นใจ ก็จะดูเย่อหยิ่ง น่าหมั่นไส้ และในวันที่เห็นตัวเองผิดหวังในความรัก ก็ฉีกตัวเองไป จากคำพูดแบบผู้ดีก็เริ่มพูดแบบไม่สนใจใคร พฤติกรรมที่ไม่เคยทำก็จะทำ เที่ยวกลางคืน ชีวิตเหลวแหลก ดังนั้นความยากมันเลยอยู่ตรงที่เราเล่น 2 คาแรกเตอร์ ทั้งดีสุดและร้ายสุดค่ะ ถือเป็นบทที่ท้าทายเรามากที่สุด เพราะมันไม่ใช่ผู้หญิงยอมแพ้ คือถ้าเราเล่นดราม่า สไตล์เราก็จะเป็นแบบเสียใจ แต่เรื่องนี้ร้องไห้เยอะ แต่เป็นน้ำตาแบบโกรธ เล่นยากกว่าเยอะ เหนื่อยและเครียดมากค่ะ ตอนได้บทมาต้องไปหาครูการแสดงเพื่อเรียนเพิ่มเลย เพราะกลัวว่าในการแสดงที่มีเส้นบาง ๆ ระหว่างผู้หญิงที่มีความมั่นใจกับผู้หญิงร้าย มันต้องแบ่งให้ดี ตอนหลังเราต้องไปสุดจริง ๆ แล้วถ้าต้นเรื่องเราเล่นแรงไปแล้ว ตอนหลังมันจะไปต่อไม่ได้ เราจึงต้องวางการพัฒนาคาแรกเตอร์ให้ดีค่ะ


รถเมล์ได้เรียนรู้อะไรจากตัวละครนี้บ้าง?
มันชัดเจนในเรื่องที่ว่าคนเราไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ เกิดมาต้องมีข้อด้อยตัวเองอยู่แล้ว แต่อยู่ที่ว่าเราจะไปเจอข้อด้อยจุดนั้นเมื่อไหร่ อย่างในเรื่องก็จะมีบางคำที่สอนเรา เช่น เรามักมองภาพตัวเองในกระจก แต่ไม่เคยมองภาพตัวเองในน้ำ ตอนเรามองตัวเองในกระจกก็จะเห็นหน้าตัวเองที่สมบูรณ์ แต่พอวันนึงที่เราได้ไปมองตัวเองในน้ำ ซึ่งในน้ำจะมีความกระเพื่อม ภาพเงาของคนเราจึงไม่ได้สวยและชัดเจนเหมือนในกระจก มันเหมือนกับคนเราไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ อย่าไปเชื่อมั่นในตัวเองมากค่ะ


คาดหวังให้คนดูรู้สึกยังไงกับตัวละคร "ปิ่นปัก" เวอร์ชั่นนี้?
ในความรู้สึกหนูคิดว่า แค่เล่นแล้วเรารับรู้ในสิ่งที่ตัวเองเล่นได้ แค่นี้โอเคแล้ว เล่นแล้วเชื่อว่าเราเป็นแบบนั้นจริง ๆ แต่หนูคิดว่าคนดูคงรู้สึกหมั่นไส้แน่ ๆ อันนี้บอกได้เลย พอวันนึงที่ตัวละครนี้ผิดหวังก็คงสมน้ำหน้า แต่คงแอบสงสารเหมือนกัน และต่อมาก็จะเข้าใจว่าทำไมตัวละครนี้ถึงเป็นแบบนี้ คืออยากให้คนดูรู้สึกตามตัวละครนี้ทั้งหมดเลยค่ะ เพราะเชื่อว่าจะสอนใจได้





อยู่ในวงการมา 11 ปี แล้ว จากวันแรกถึงวันนี้คิดว่าตัวเองมีมุมมองในวงการต่างจากเดิมมั้ย?
เรื่องมุมมองยังเหมือนเดิม ยังรู้สึกว่าเข้ามาทำงานแล้วได้เจอโลกที่กว้างขึ้น ได้ทำอะไรที่หลากหลาย แต่สิ่งที่ต่างจากวันแรกคือเรามีอะไรที่อยากทำและท้าทายมากขึ้น ซึ่งเราก็กล้าเสี่ยงที่จะทำมากขึ้นด้วย เมื่อก่อนบทแรง ๆ แบบนี้หนูคงไม่กล้าเล่น เพราะไม่รู้ว่าเล่นไปแล้วโอเครึเปล่า แต่พอเราโตขึ้น ประสบการณ์ในชีวิตมากขึ้น พอได้บทที่ท้าทายแบบนี้ก็กลายเป็นเรื่องที่สนุกค่ะ


พอมีชื่อเสียงเข้ามา ทำให้ตัวเราเปลี่ยนไปบ้างรึเปล่า?
นิดหน่อยค่ะ หนูว่าตัวเองยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม คือถ้าเราไม่ได้ไปปั้นแต่งตั้งแต่ตอนเข้าวงการมาแรก ๆ เราก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนอะไร ถ้าหนูเป็นคนแบบพยายามทำให้ตัวเองเป็นในสิ่งที่เราไม่ได้เป็น มันคงลำบากกับการใช้ชีวิตมาก คือ 11 ปีในวงการมันคงลำบากที่หนูจะเป็นเหมือนเดิมได้ตลอด แต่พอตัวเราใช้ชีวิตธรรมดาที่ตัวเองเป็นมาตลอดแบบนี้ มันเลยสบายตัว 11 ปีไม่ได้ทำให้เรารู้สึกมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปค่ะ


กลัวคลื่นลูกใหม่มาแทนที่มั้ย?
รถเมล์ไม่กลัวนะ เฉย ๆ มันเป็นธรรมดาของชีวิตอยู่แล้ว แม้แต่ตอนที่เราเข้ามาในวงการใหม่ ๆ ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน มันมีคนอยู่ก่อนเรา วันนึงเขาก็ค่อย ๆ ขยับไปทำอย่างอื่น รถเมล์คิดว่าถ้าเราทำตรงไหนแล้วถนัด และเราสามารถเลือกสิ่งที่ทำได้ เราอยู่ทางนั้นค่ะ ส่วนการเลือกรับบท คือช่วงแรก ๆ หนูจะเลือกจากสิ่งที่ใกล้ตัว ด้วยความโชคดีของหนูคือเราอยู่กับค่ายโพลีพลัส เจ้านายจะคอยดูบทให้ เราก็มาตามทางนั้น ค่อย ๆ ฝึกจนวันนึงที่เราแข็งแรงพอที่จะเล่นบทที่ท้าทายกว่าเดิม เราก็จะรับ ดังนั้น ณ ตอนนี้หนูจะเลือกบทอะไรที่ต่างจากตัวเอง บทที่ไม่เคยเล่นมาก่อน คาแรกเตอร์ไหนที่ทำให้เราได้แสดงความสามารถในการแสดงจริง ๆ หนูก็จะรับค่ะ





มองอนาคตตัวเองในวงการไว้ที่ตำแหน่งไหน?
เรื่องเล่นละครคงรับไปเรื่อย ๆ แต่ช่วงหลังหนูเลือกรับละครน้อยลง ส่วนใหญ่เราหันมาทางพิธีกร เพราะพอได้ทำพิธีกรเรามีความสุข ได้ทำงานที่เป็นตัวเองมากกว่าเล่นละคร หลังจากนี้คงเน้นงานพิธีกรเยอะขึ้น ส่วนละครก็ยังเล่นอยู่ แต่เราก็ไม่รู้นะ มันไม่ได้อยู่ที่ตัวเราเองอย่างเดียว สุดท้ายมันอยูที่ความต้องการของผู้จัดและคนดูว่าเขายังอยากเห็นเรารึเปล่า คือถ้าเรายังดันทุรังเล่นไปทั้งที่วันนึงเขาไม่อยากดูเราแล้ว เขาอยาก ดูเด็กใหม่ ๆ มันก็อีกเรื่องนึง รถเมล์เตรียมตัวเองตลอดในเรื่องเหล่านี้ ณ ตอนนี้ยังไม่เคยคิดจะอยู่เล่นละครแบบนี้ไปจนอายุเยอะมาก ๆ ค่ะ


คำว่านักแสดงในความหมายของรถเมล์คืออะไร?
นักแสดงคือผู้ที่มาสวมบทบาท แล้วสามารถทำให้คนเชื่อในสิ่งที่เราแสดงได้ ส่วนเรื่องชื่อเสียงเงินทอง ณ วันนี้การเป็นนักแสดงมันคืออาชีพของรถเมล์ การทำงานทุกคนต้องคาดหวังในสิ่งที่ตัวเองทำให้ออกมาดีอยู่แล้ว แต่สำหรับรถเมล์เรื่องเงินเป็นส่วนรองนะ เราจะรับงานอะไรสักอย่าง แม้ว่างานนั้นจะไม่ได้เงินหรือได้น้อยมาก แต่ถ้าเราอยากทำเราจะทำ เราเป็นแบบนี้ตลอดมา อย่างงานเพื่อสังคม เงินน้อยมากก็ไม่เป็นไร รถเมล์ก็ไปทำให้ได้ค่ะ


ในการเป็นนักแสดงบางครั้งก็เจอคำวิจารณ์ด้านการแสดงบ้าง เราเคยนอยด์กับเสียงวิจารณ์เหล่านั้นมั้ย?
ตัวรถเมล์ไม่นอยด์ หนูเป็นคนชอบฟังในสิ่งที่คนบอก แล้วเราก็เอามาพัฒนามากกว่า ไม่เคยเก็บเอามาให้ตัวเองเครียด เพราะคนเราแสดงอะไรไปแล้ว ก็แก้ไม่ได้แล้ว มันอยู่ที่ข้างหน้ามากกว่าว่าเรามีโอกาสในการแก้ครั้งต่อไปยังไง ส่วนข่าวอื่นในวงการก็ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ หนูรับฟังความเห็นทุกคนหมด ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงหนูจะพูดชี้แจง ส่วนอันไหนเรื่องจริงหนูก็บอกว่าจริง ดังนั้นก็ไม่มีอะไรที่ทำให้หนูไม่สบายใจค่ะ


สิ่งที่ภาคภูมิใจในชีวิตคืออะไร?
ถ้าเป็นเรื่องในวงการคือการที่หนูทำงานแล้วคนยอมรับ ชอบในสิ่งที่หนูทำ เป็นสิ่งที่ภูมิใจที่สุดแล้ว ส่วนในฐานะที่ไม่ได้เป็นนักแสดง ก็คือการทำให้แม่ภูมิใจไง อย่างน้อยคนในครอบครัวเราก็ไม่ต้องเป็นห่วง แรก ๆ เราต้องใช้เวลาเหมือนกันกว่าจะทำให้ที่บ้านยอมรับว่าการทำงานในวงการบันเทิงแล้วโอเคได้ ด้วยความที่บ้านเราเป็นคนจีนโบราณ เขาก็จะคิดแบบเต้นกินรำกิน และมันก็เสี่ยงกับการมีข่าวไม่ดี บ้านหนูไม่โอเคอย่างแรง แรก ๆ เขาจะรู้สึกว่าทำยังไงก็ได้แต่อย่าให้เสียมาถึงนามสกุล เราก็ลำบากนะ พอวันนึงที่เราทำงานมาจนถึงจุดที่บ้านยอมรับ คือการพิสูจน์ว่า 11 ปี ในวงการหรือก่อนหน้านี้ก็ตาม เราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย การเป็นนักแสดงของหนูไม่ได้แค่พิสูจน์แค่กับประชาชน แต่เป็นการพิสูจน์ให้ที่บ้านเห็นด้วย สำคัญมากค่ะ





ถามถึงความรักกับ "แม็ค" บ้าง ณ วันนี้ เป็นยังไง?
ตอนนี้เราก็เข้าใจว่าใครเป็นยังไงมากขึ้น เขาก็ได้เรียนรู้ชีวิตรวมไปถึงนิสัยใจคอเรา เพราะตอนแรกที่คนเราคบกันมันยังไม่รู้นิสัยบางอย่าง แต่พอเราได้ใช้เวลาคุยกันไปเรื่อย ๆ เราก็จะอยากรู้ว่าแต่ละคนเป็นยังไง สิ่งที่คุณเป็นบางอย่างเรารับได้หรือไม่ได้ มันดีกว่าที่เรารู้จักกันแป๊บเดียวแล้วแต่งงาน แล้วก็มารับกันไม่ได้หลังจากนั้น มันไม่ดีค่ะ เราไม่ได้รีบอะไร ปล่อยให้มันเป็นไปเรื่อย ๆ ตามที่ควรจะเป็น เราก็เรียนรู้กันไปดีกว่า


คบมาเกือบ 4 ปี ยังมีอะไรต้องปรับตัวเข้าหากันอีก มั้ย?
ปรับกันทุกวัน ปรับกันตลอดเวลาค่ะ มันมีอะไรจุ๊กจิ๊กเป็นธรรมดา หนูว่าทุกคู่เป็นนะ ถ้าวันนี้เราต่างคนต่างไม่ยอมกัน มันก็ไปกันไม่ได้ แต่เรารู้กันอยู่แล้วว่ามันก็เป็นแบบนี้แหละ ส่วนแง่ไลฟ์สไตล์เราก็ต้องปรับเข้าหากันค่ะ ไม่เหมือนกันเลย เรื่องเที่ยวคล้าย ๆ กันนะ หลัก ๆ ที่คิดตรงกันคือมีที่นอนดี ๆ มีอาหารอร่อย ๆ แต่อะไรที่เป็นแอดเวนเจอร์มาก ๆ ตัวหนูมีบ้างได้ แต่พี่แม็คเขาไม่ชอบสายนี้ เพราะเขารู้สึกว่าทำงานตลอดเวลาแล้ว วันพักผ่อนก็อยากชิลชิลค่ะ


การเป็นนักแสดงต้องมีเข้าฉากกับนักแสดงหนุ่ม ๆ บ้าง "แม็ค" มีหึงหวง รึเปล่า?
ส่วนใหญ่ตัวหนูเองใช้วิธีเกรงใจมากกว่า ไม่ใช่เกรงใจแค่พี่แม็คอย่างเดียว คุณพ่อคุณแม่ก็เหมือนกัน คือหนูจะมีลิมิตเล่นได้แค่ไหน เช่น ไม่จูบจริง อย่างเวลามีฉากแบบนี้ หนูก็บอกพี่เขาก่อน เพราะรู้สึกว่าเรื่องเล็ก ๆ แบบนี้มันทำให้เกิดเป็นปัญหาใหญ่ได้ถ้าเราไม่เคลียร์ไปก่อนตั้งแต่ต้น คือถ้าหนูชัดเจนแบบนี้อยู่แล้ว เขาก็สบายใจได้ ไม่ต้องมีปัญหาเรื่องนี้กัน คือจริง ๆ เขาเป็นคนไม่ดูละครอยู่แล้วนะ แต่ถึงไม่ดูละครหนูก็ยังเลือกที่จะเล่าให้เขาฟังก่อนอยู่ดี เพราะไม่รู้ว่าวันไหนเขาอาจไปเปิดดูก็ได้ แต่เขาจะหึงมั้ยเราไม่รู้เหมือนกัน หนูว่าทุกคนคงไม่ได้อยากเห็นแฟนเล่นอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แม้จะเข้าใจก็เถอะ แต่ในใจก็คงคิดบ้าง แต่หนูก็สบายใจที่ได้บอกเขาไว้ก่อนไปแล้ว เพื่อที่เขาจะได้สบายใจด้วยเหมือนกันค่ะ


ครอบครัวเราว่ายังไงกับการคบหากับ "แม็ค"?
ก็โอเคนะคะ เพราะคุณพ่อคุณแม่ท่านรู้เรื่องการคบหาของเราอยู่แล้ว หนูไม่ได้มีอะไรปิดบัง บอกคุณพ่อคุณแม่ทุกอย่างตั้งแต่วันแรกที่ได้รู้จักกันเลย พี่เขาก็เข้าทางพ่อแม่เราบ้าง แต่ไม่ได้มาแบบเอาใจ คือคุณแม่หนูจะเป็นในลักษณะที่ว่าดูแลลูกเราดีพอมั้ย แค่นั้นเอง แม่จะรู้ทุกอย่าง ช่วยกันสแกนค่ะ (ยิ้ม)





เท่าที่คบกันมาความประทับใจเป็นพิเศษที่มีต่อ "แม็ค" คืออะไร?
เขาเป็นคนที่เสมอต้นเสมอปลาย เป็นยังไงตั้งแต่แรกก็เป็นเหมือนเดิมอย่างนั้น ไม่เปลี่ยนหรือพยายามทำเพื่อให้ดีแค่ตอนแรกเลยค่ะ เคยโทรฯ หาเราทุกวัน ทุกวันนี้ยังเหมือนเดิม เช้าโทรฯ ปลุกเหมือนเดิม ก่อนนอนคุยกันทุกวัน เป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่รู้จักกันมา เป็นความห่วงใยกัน แต่เราไม่ใช่คู่ที่หวาน ไม่ได้มีอะไรสวีทแต่ถ้าอยู่กันสองคนก็อีกเรื่อง คือถ้าอยู่กับคนอื่น ๆ ด้วยหน้าที่การงานของเขา ก็ไม่สามารถมานั่งเล่นกุ๊กกิ๊กแบบนี้ได้ เขาโตแล้วค่ะ มุมกุ๊กกิ๊กเขามีอยู่นะแต่แค่ว่าต้องถูกที่ถูกเวลามากกว่า ถ้าถามรถเมล์นะ คนนี้พอดีกับรถเมล์แล้วค่ะ


คาดหวังความรักไว้มากแค่ไหน?
หนูคาดหวังกับความรักทุกครั้ง ไม่มีใครอยากเริ่มต้นใหม่ ไม่มีใครอยากมานั่งรู้จักแล้วเลิกกัน เราก็ประคับประคองกันไปให้มันดี เรามีเวลาดูกันก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องแต่งงานและใช้ชีวิตคู่กันนั้น ไม่รู้เลยค่ะ หนูตอบไม่ได้จริง ๆ หนูยังแฮปปี้กับการทำงานและชีวิตแบบนี้ยังมีความสุขดี เรื่องแต่งงานเคยคิดนะ แต่ตอนนี้เฉย ๆ แล้ว เพราะเรายังมีเวลาได้ดูแลกัน ก็ค่อย ๆ ดูไปดีกว่า ส่วนที่เปลี่ยนความคิดเราจากอยากแต่งงานมาเป็นความรู้สึกเฉย ๆ เพราะหนูว่ามันเป็นธรรมดาของช่วงวัยรุ่น ที่เจอใครสักคนก็คิดว่าใช่แล้ว แต่พอเราโตขึ้นความคิดก็เปลี่ยน มุมมองความรักก็ต่างจากตอนแรก เมื่อก่อนเราชอบเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง คิดว่าทำไมเขาไม่ทำอย่างนี้ให้เรา มันมีคำว่าทำไมค่อนข้างเยอะ พอตอนนี้เรารู้สึกว่าบางทีเราก็เฉย ๆ บ้างดีมั้ย เราลองปรับตัวเข้าหากันมั้ย มันก็คนละครึ่งทาง เราเข้าใจกัน คือเรื่องแบบนี้มันต้องคุยกัน ถ้าไม่คุยกันก็ทำให้การคบกันไปต่อไม่ได้ค่ะ


"แม็ค" ทำให้เราโตขึ้น?
โตขึ้นอยู่แล้วค่ะ และหนูก็โตตามอายุตัวเองด้วยนะ จริง ๆ คนที่จะมาเป็นแฟนเรา หนูว่ามันมีอิทธิพลต่อกัน สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากพี่เขา คือเขาค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่มาก เรื่องงานหรืออะไรก็ตามเราปรึกษาเขาได้หมด ถ้าเขารู้ว่าหนูซีเรียสบางเรื่อง เขาก็จะมีคำพูดหรืออีกมุมมองที่หนูไม่เคยคิดเลย พอฟังก็คิดว่าจริงของพี่เขา เขามีเหตุผลของความเป็นผู้ใหญ่ ในฐานะคนที่โตกว่าหรือมุมเจ้าของบริษัทมอง คนนี้เข้ามาเติมชีวิตเราให้สมบูรณ์ขึ้น เป็นคนที่ใช่ค่ะ


สุดท้ายฝากถึงแฟน ๆ ของเราหน่อย?
ขอบคุณมากค่ะ ทุกวันนี้ไปไหนมาไหนมีความสุขทุกครั้ง แม้กระทั่งอ่านคอมเมนต์ในเฟซบุ๊ก หรือออกไปทำงานแล้วเจอแฟน ๆ มันเป็นกำลังใจในการทำงานของหนูมาก ๆ ค่ะ



* ดูประวัติ รถเมล์ - คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์
* ดูอัลบั้ม รถเมล์ - คะนึงนิจ จักรสมิทธานนท์


 
 

Box Office

เรื่อง
ล่าสุด
รวม
1.
2.
3.
4.
5.
เรื่อง
ล่าสุด
รวม
1.
2.
3.
4.
5.

บทสัมภาษณ์ทั้งหมด

 
ยังไม่มีข้อมูล
หน้าแรกย้อนกลับ [ 1 ] หน้าถัดไปหน้าสุดท้าย
 
 

ติดตามหนังดี : Youtube Instagram Facebook Twitter  

MMM Digital Asset Co.,Ltd.
109 อาคารซีซีที ชั้น 2 ถนนสุรวงศ์
แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
Tel. 0-2234-7535    FAX. 0-2634-4269
E-mail: webmaster@nangdee.com   © 2006 nangdee.com
แผนที่ | sitemap | ติดต่อโฆษณา